ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 188.03 จุดขานรับยอดขายบ้านสหรัฐ-ผลประกอบการฟอร์ด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่ทำสถิติพุ่งขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งช่วยหนุนดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 9,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ หนึ่งในค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 188.03 จุด หรือ 2.12% ปิดที่ 9,069.29 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2552 และเป็นการปิดตลาดเหนือระดับ 9,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 22.22 จุด หรือ 2.33 % ปิดที่ 976.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 47.22 จุด หรือ 2.45% แตะที่ 1,973.60 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.40 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.01 พันล้านหุ้น คลาแร็ง โอเคลลี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Nomura Securities Intl ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์การณ์ไว้ หลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะระดับ 4.89 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นอีกเมื่อบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถ "บิ๊กทรี" รายเดียวที่ไม่ล้มละลาย รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยในไตรมาส 2/2551 ฟอร์ดขาดทุน 8.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด อลัน มูลัลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด กล่าวว่า ฟอร์ดได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเพราะแผนการปรับโครงสร้างมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ฟอร์ดยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มเงินสดด้วย หลังจากที่ขายแบรนด์หรูในเครืออย่าง จากัวร์ และ แอสตัน มาร์ตินไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ดปิดบวก 9.4% หุ้น 3M ซึ่งเป็นบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในสำนักงาน รวมถึง เทปกาว Scotch และ Post-it Notes พุ่งขึ้น 7.4% ส่วนหุ้นอเมซอนดอทคอมปิดพุ่ง 5.7% หลังจากอเมซอนดอทคอม อิงค์ ผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่สุดของโลก บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของZappos.com Inc. ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมประมาณ 887.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้อเมซอนมีแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าในครอบครองกว่า 1,000 แบรนด์
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร,ปอนด์ หลังข้อมูลศก.สหรัฐกระตุ้นนลท.แห่เทรดตลาดหุ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงยอดขายบ้านของสหรัฐ และผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ และหันเข้าเทรดในตลาดหุ้น ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่สดใสในอังกฤษ
ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4145 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4208 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.10% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6474 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6457 ปอนด์/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.41% เมื่อเทียบกับเยนที่ 94.910 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 93.590 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0746 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0661 ฟรังค์/ดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.54% แตะที่ 0.8111 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.8155 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.94% แตะที่ 0.6520 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6582 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ บลูมเบิร์กรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กค่อนข้างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และหันเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด และหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ต่างจากในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความกังวลเรื่องผลประกอบการภาคเอกชน ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อเลี่ยงความเสี่ยง สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งทำเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ตัวเลขค้าปลีกในเดือนมิ.ย.ไต่ขึ้น 1.2% หลังจากที่ทรุดลง 0.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวขึ้นเพียง 0.3% ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.2551 ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.9%
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $1.50 หลังดอลล์อ่อน-ยอดขายบ้านสหรัฐพุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 35 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และรายงานยอดขายบ้านในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวเร็วกว่าที่มีการประเมินไว้ในเบื้องต้น
สัญญาทองคำ COM ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 954.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 948.20-957.50 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.770 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 2.5240 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,188.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 12.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 260.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.05 ดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX ได้รับปัจจัยจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และจากความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นด้วย หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต ทั้งนี้ ยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งทำเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่งแตะ $67.16 หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.สดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 54 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 67 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและยอดขายบ้านในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 67.35-65.15 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 7.49 เซนต์ ปิดที่ 1.9132 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.32 เซนต์ ปิดที่ 1.7644 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล แอนดรู เลโบว์ นักวิเคราะห์จาก MF Global ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 67 ดอลลาร์/บาร์เรลเพราะได้ปัจจัยหนุนหลากหลาย รวมถึงการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่ราคาถูกลงและกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก นอกจากนี้ ข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่แข็งแกร่งและการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ให้คึกคักขึ้นด้วย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง โดยการเพิ่มขึ้นของยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.ถือเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 180 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยฟอร์ดได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว และยังมีแผนที่จะขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มกระแสเงินทุนหมุนเวียนในองค์กร กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.ค. ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 342.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 160.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 215.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่น น้ำมันลดลง 2.1% สู่ 85.8%
ฟอร์ด เผย Q2 มีกำไร $2.3 พันล้าน หลังมาตรการลดต้นทุนได้ผล-ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่ม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถ "บิ๊กทรี" รายเดียวที่ไม่ล้มละลาย แถมยังปฏิเสธรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยในไตรมาส 2/2551 ฟอร์ดขาดทุน 8.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด
อย่างไรก็ตาม ผลกำไรส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time gain) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ดีมานด์รถใหม่ยังอ่อนแอ ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้ดังกล่าว ฟอร์ดจะขาดทุนจากการดำเนินงาน 424 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ของฟอร์ดลดลง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ อลัน มูลัลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด กล่าวว่า สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจทั่วโลกยังมีความท้าทายสูง อย่างไรก็ดี แม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทก็ยังได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นเพราะแผนการปรับโครงสร้างมีความคืบหน้า เพื่อให้บริษัทสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฟอร์ดได้ตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานหลายหมื่นคนและปิดโรงงานเพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มเงินสดด้วย หลังจากที่ขายแบรนด์หรูในเครืออย่าง จากัวร์ และ แอสตัน มาร์ตินไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ตัวเลขผลกำไรของฟอร์ดดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และคาดว่าหุ้นของฟอร์ดน่าจะไต่ขึ้นเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันพฤหัสบดี
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นพลังงาน,เหมืองแร่ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 66.07 จุด
Friday, July 24, 2009 07:58:46
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยดัชนีปิดบวกติดต่อกัน 9 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติที่ปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบกว่า 5 ปี เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนห้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับป้จจัยบวกจากยอดขายบ้านที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 เดือนในสหรัฐสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 66.07 จุด หรือ 1.47% แตะที่ 4,559.80 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,472.07-4,566.77 จุดแอนโทนี เกรช นักวิเคราะห์จากบริษัท IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคักเพราะได้แรงกระตุ้นจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นกว่า 180 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต และหลังจากฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นแม้ราคาโลหะในตลาดโลกปรับตัวผันผวน โดยหุ้นคาซัคมิสปิดพุ่ง 9.5% ซึ่งทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้น ENRC ปิดบวก 5.5% หุ้นเวแดนตา รีซอร์สเซส ปิดพุ่ง 6.2% หุ้นเอ็กซ์สตราตา ปิดพุ่ง 7.5% และหุ้นลอนมินปิดบวก 8.9%ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปิดพุ่งตามราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 0.1% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดบวก 0.9% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดพุ่ง 1.2% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดบวก 1.4%นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารปิดบวกเช่นกัน โดยหุ้นธนาคาร HSBC ปิดพุ่ง 3.2% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดบวก 3.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดบวก 4.8% และหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดพุ่ง 5.3%
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดตลาดพุ่ง 116.46 จุด ขานรับยอดขายบ้านสหรัฐ
Friday, July 24, 2009 08:07:43
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน และฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลประกอบการที่สดใส นอกจากนี้ ค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้นด้วยสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดพุ่งขึ้น 116.46 จุด แตะที่ 9,909.40 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้นขานรับรายงานที่ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต และฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นหุ้นกลุ่มส่งออกทะยานขึ้นหลังจากค่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโลหะ กลุ่มเครื่องจักร และกลุ่มขนส่งทางทะเลทะยานขึ้นเช่นกัน
--อินโฟเควสท์--
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่ง 3.6% ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน
Friday, July 24, 2009 08:29:52
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงโยเอล นารอฟฟ์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Naroff Economic Advisors Inc กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ยอดขายบ้านมือสองที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายและเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือนนับเป็นสัญญาณครั้งใหม่ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้นอกจากนี้ ยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น 188.03 จุด หรือ 2.12% ปิดที่ 9,069.29 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2552 และยังหนุนราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
--อินโฟเควสท์--
หุ้นสหรัฐบวกทะลุ9,000จุดไนเม็กซ์ขยับขึ้น
หุ้นสหรัฐพุ่งได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับขึ้น 2.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนีพุ่งขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนที่เข้ามาอย่างคักคัก หลังข้อมูลล่าสุดระบุ ยอดขายบ้านในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 3.6% เช่นเดียวกับรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของฟอร์ด มอเตอร์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ที่มีผลกำไรถึง 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปปิดที่ 67.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,069.29 จุด ปรับขึ้น 188.03 จุด หรือ 0.39% เป็นการปิดเหนือเพดาน 9,000 จุดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,973.60 จุด ปรับขึ้น 47.22 จุด หรือ 2.45% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 976.29 จุด ปรับขึ้น 22.22 จุด หรือ 2.33% ตลาด หุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 (FTSE 100) ตลาดลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปิดที่ 4,559.80 จุด ปรับขึ้น 66.07 จุด หรือ 1.47% ดัชนีแด็กซ์ (DAX) ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ปิดที่ 5,247.28 จุด ปรับขึ้น 125.72 จุด หรือ 2.45% และดัชนีซีเอซี 40 (CAC 40) ตลาดปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปิดที่ 3,373.72 จุด ปรับขึ้น 68.65 จุด หรือ 2.08% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับขึ้น 2.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปิดที่ 954.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ปรับขึ้น 1.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 956.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ปรับขึ้น 2.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่ทำสถิติพุ่งขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งช่วยหนุนดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 9,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ หนึ่งในค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 188.03 จุด หรือ 2.12% ปิดที่ 9,069.29 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2552 และเป็นการปิดตลาดเหนือระดับ 9,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 22.22 จุด หรือ 2.33 % ปิดที่ 976.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 47.22 จุด หรือ 2.45% แตะที่ 1,973.60 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.40 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.01 พันล้านหุ้น คลาแร็ง โอเคลลี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Nomura Securities Intl ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์การณ์ไว้ หลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะระดับ 4.89 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นอีกเมื่อบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถ "บิ๊กทรี" รายเดียวที่ไม่ล้มละลาย รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยในไตรมาส 2/2551 ฟอร์ดขาดทุน 8.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด อลัน มูลัลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด กล่าวว่า ฟอร์ดได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเพราะแผนการปรับโครงสร้างมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ฟอร์ดยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มเงินสดด้วย หลังจากที่ขายแบรนด์หรูในเครืออย่าง จากัวร์ และ แอสตัน มาร์ตินไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ดปิดบวก 9.4% หุ้น 3M ซึ่งเป็นบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในสำนักงาน รวมถึง เทปกาว Scotch และ Post-it Notes พุ่งขึ้น 7.4% ส่วนหุ้นอเมซอนดอทคอมปิดพุ่ง 5.7% หลังจากอเมซอนดอทคอม อิงค์ ผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่สุดของโลก บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของZappos.com Inc. ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมประมาณ 887.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้อเมซอนมีแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าในครอบครองกว่า 1,000 แบรนด์
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร,ปอนด์ หลังข้อมูลศก.สหรัฐกระตุ้นนลท.แห่เทรดตลาดหุ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงยอดขายบ้านของสหรัฐ และผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ และหันเข้าเทรดในตลาดหุ้น ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่สดใสในอังกฤษ
ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4145 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4208 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.10% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6474 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6457 ปอนด์/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.41% เมื่อเทียบกับเยนที่ 94.910 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 93.590 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0746 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0661 ฟรังค์/ดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.54% แตะที่ 0.8111 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.8155 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.94% แตะที่ 0.6520 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6582 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ บลูมเบิร์กรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กค่อนข้างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และหันเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด และหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ต่างจากในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความกังวลเรื่องผลประกอบการภาคเอกชน ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อเลี่ยงความเสี่ยง สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งทำเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ตัวเลขค้าปลีกในเดือนมิ.ย.ไต่ขึ้น 1.2% หลังจากที่ทรุดลง 0.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวขึ้นเพียง 0.3% ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.2551 ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.9%
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $1.50 หลังดอลล์อ่อน-ยอดขายบ้านสหรัฐพุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 35 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และรายงานยอดขายบ้านในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวเร็วกว่าที่มีการประเมินไว้ในเบื้องต้น
สัญญาทองคำ COM ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 954.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 948.20-957.50 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.770 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 2.5240 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,188.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 12.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 260.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.05 ดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX ได้รับปัจจัยจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และจากความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นด้วย หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต ทั้งนี้ ยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งทำเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่งแตะ $67.16 หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.สดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 54 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 67 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและยอดขายบ้านในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 67.35-65.15 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 7.49 เซนต์ ปิดที่ 1.9132 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.32 เซนต์ ปิดที่ 1.7644 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล แอนดรู เลโบว์ นักวิเคราะห์จาก MF Global ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 67 ดอลลาร์/บาร์เรลเพราะได้ปัจจัยหนุนหลากหลาย รวมถึงการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่ราคาถูกลงและกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก นอกจากนี้ ข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่แข็งแกร่งและการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ให้คึกคักขึ้นด้วย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง โดยการเพิ่มขึ้นของยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.ถือเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 180 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยฟอร์ดได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว และยังมีแผนที่จะขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มกระแสเงินทุนหมุนเวียนในองค์กร กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.ค. ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 342.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 160.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 215.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่น น้ำมันลดลง 2.1% สู่ 85.8%
ฟอร์ด เผย Q2 มีกำไร $2.3 พันล้าน หลังมาตรการลดต้นทุนได้ผล-ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่ม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถ "บิ๊กทรี" รายเดียวที่ไม่ล้มละลาย แถมยังปฏิเสธรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยในไตรมาส 2/2551 ฟอร์ดขาดทุน 8.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด
อย่างไรก็ตาม ผลกำไรส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time gain) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ดีมานด์รถใหม่ยังอ่อนแอ ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้ดังกล่าว ฟอร์ดจะขาดทุนจากการดำเนินงาน 424 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ของฟอร์ดลดลง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ อลัน มูลัลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด กล่าวว่า สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจทั่วโลกยังมีความท้าทายสูง อย่างไรก็ดี แม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทก็ยังได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นเพราะแผนการปรับโครงสร้างมีความคืบหน้า เพื่อให้บริษัทสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฟอร์ดได้ตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานหลายหมื่นคนและปิดโรงงานเพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการขายแบรนด์วอลโว่เพื่อเพิ่มเงินสดด้วย หลังจากที่ขายแบรนด์หรูในเครืออย่าง จากัวร์ และ แอสตัน มาร์ตินไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ตัวเลขผลกำไรของฟอร์ดดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และคาดว่าหุ้นของฟอร์ดน่าจะไต่ขึ้นเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันพฤหัสบดี
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นพลังงาน,เหมืองแร่ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 66.07 จุด
Friday, July 24, 2009 07:58:46
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยดัชนีปิดบวกติดต่อกัน 9 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติที่ปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบกว่า 5 ปี เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนห้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับป้จจัยบวกจากยอดขายบ้านที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 เดือนในสหรัฐสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 66.07 จุด หรือ 1.47% แตะที่ 4,559.80 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,472.07-4,566.77 จุดแอนโทนี เกรช นักวิเคราะห์จากบริษัท IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคักเพราะได้แรงกระตุ้นจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นกว่า 180 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต และหลังจากฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นแม้ราคาโลหะในตลาดโลกปรับตัวผันผวน โดยหุ้นคาซัคมิสปิดพุ่ง 9.5% ซึ่งทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้น ENRC ปิดบวก 5.5% หุ้นเวแดนตา รีซอร์สเซส ปิดพุ่ง 6.2% หุ้นเอ็กซ์สตราตา ปิดพุ่ง 7.5% และหุ้นลอนมินปิดบวก 8.9%ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปิดพุ่งตามราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 0.1% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดบวก 0.9% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดพุ่ง 1.2% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดบวก 1.4%นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารปิดบวกเช่นกัน โดยหุ้นธนาคาร HSBC ปิดพุ่ง 3.2% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดบวก 3.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดบวก 4.8% และหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดพุ่ง 5.3%
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดตลาดพุ่ง 116.46 จุด ขานรับยอดขายบ้านสหรัฐ
Friday, July 24, 2009 08:07:43
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน และฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลประกอบการที่สดใส นอกจากนี้ ค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้นด้วยสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดพุ่งขึ้น 116.46 จุด แตะที่ 9,909.40 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้นขานรับรายงานที่ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต และฟอร์ด มอเตอร์ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 69 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน และการได้ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นหุ้นกลุ่มส่งออกทะยานขึ้นหลังจากค่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโลหะ กลุ่มเครื่องจักร และกลุ่มขนส่งทางทะเลทะยานขึ้นเช่นกัน
--อินโฟเควสท์--
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่ง 3.6% ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน
Friday, July 24, 2009 08:29:52
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.6% แตะที่ 4.89 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.72 ล้านยูนิตต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.84 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เพราะได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ระดับต่ำ และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงโยเอล นารอฟฟ์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Naroff Economic Advisors Inc กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ยอดขายบ้านมือสองที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายและเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือนนับเป็นสัญญาณครั้งใหม่ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้นอกจากนี้ ยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น 188.03 จุด หรือ 2.12% ปิดที่ 9,069.29 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2552 และยังหนุนราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
--อินโฟเควสท์--
หุ้นสหรัฐบวกทะลุ9,000จุดไนเม็กซ์ขยับขึ้น
หุ้นสหรัฐพุ่งได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับขึ้น 2.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนีพุ่งขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนที่เข้ามาอย่างคักคัก หลังข้อมูลล่าสุดระบุ ยอดขายบ้านในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 3.6% เช่นเดียวกับรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของฟอร์ด มอเตอร์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ที่มีผลกำไรถึง 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปปิดที่ 67.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,069.29 จุด ปรับขึ้น 188.03 จุด หรือ 0.39% เป็นการปิดเหนือเพดาน 9,000 จุดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,973.60 จุด ปรับขึ้น 47.22 จุด หรือ 2.45% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 976.29 จุด ปรับขึ้น 22.22 จุด หรือ 2.33% ตลาด หุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 (FTSE 100) ตลาดลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปิดที่ 4,559.80 จุด ปรับขึ้น 66.07 จุด หรือ 1.47% ดัชนีแด็กซ์ (DAX) ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ปิดที่ 5,247.28 จุด ปรับขึ้น 125.72 จุด หรือ 2.45% และดัชนีซีเอซี 40 (CAC 40) ตลาดปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปิดที่ 3,373.72 จุด ปรับขึ้น 68.65 จุด หรือ 2.08% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับขึ้น 2.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปิดที่ 954.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ปรับขึ้น 1.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 956.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ปรับขึ้น 2.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ
Comments
Post a Comment