ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 11.79 จุด หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอ่อนแอ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 9 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐ และรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนัก ขณะที่ดัชนี Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 11.79 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 9,096.72 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 2.56 จุดหรือ 0.26% แตะที่ 979.62 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.62 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 1,975.51 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.24 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.23 พันล้านหุ้น จอห์น เมอร์ริล นักวิเคราะห์จาก Tanglewood Wealth Management กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลง หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังผลประกอบการของหลายบริษัท รวมถึงบริษัท ออฟฟิศ ดีโปท์ อิงค์ และบริษัท โคช เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการขาดกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า ทำให้ยอดขายของบริษัททั้งสองหดตัวลงอย่างรุนแรง ขณะที่บริษัท แคนนอน อิงค์ รายงานผลกำไรไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2552 อยู่ที่ 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 84.5% จากปีก่อน จากยอดขายที่ร่วงลง 29.9% แตะ 1.48 ล้านล้านเยน ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานดิ่งลง 80.4% แตะ 6.49 หมื่นล้านเยน บริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป รายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดราคาพลังงานลดลงและทำให้ดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยดัชนีราคาบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.โดยเพิ่มขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาบ้านอาจจะเริ่มมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ราคาบ้านจะลดลง 0.5% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านลดลง 17.1% ในเดือนพ.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ลดลง 18.1% ในเดือนพ.ค.ปี 2551 ส่วนยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11% แตะที่ 384,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ 346,000 ยูนิตต่อปี ส่วนราคากลางของบ้านอยู่ที่ 206,200 ดอลลาร์ ลดลง 12% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ แม้อัตราว่างงานจะยังพุ่งสูงขึ้น แต่ราคาบ้านที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำเริ่มดึงดูดผู้ซื้อให้หันมาซื้อบ้านมากขึ้น หุ้นออฟฟิศ ดีโปท์ ปิดร่วง 18.1% หุ้นโคชปิดลบ 38 เซนต์ แตะที่ 28.05 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นเท็กซ์ตรอนปิดพุ่ง 17.6% หุ้นไอบีเอ็มปิดลบ 35 เซนต์ แตะที่ 117.28 ดอลลาร์ และหุ้นเอสพีเอสเอสปิดพุ่ง 40.9% ส่วนหุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ปิดบวก 4 เซนต์ ปิดที่ 4.59 ดอลลาร์ และหุ้นเวอร์จิ้น โมบาย ปิดบวก 25.4%
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดร่วง $1.15 เหตุวิตกศก.ถดถอยฉุดดีมานด์พลังงาน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 49 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าดีมานด์พลังงานอาจซบเซาลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง บีพี พร้อมกับจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.และรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 67.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.48-68.86 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.19 เซนต์ ปิดที่ 1.7647 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 2.41 เซนต์ ปิดที่ 1.9106 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.31% ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์/บาร์เรล จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จาก Ritterbuschand Associates กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลายวันติดต่อกัน และหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด บริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โคลิน มอร์ตัน นักวิเคราะห์จาก BWD Rensburg กล่าวว่า บีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายแรกในยุโรปที่รายงานผลประกอบการ กำลังดำเนินการลดต้นทุนและกระตุ้นผลผลิตเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยบีพีเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในปีนี้ หลังจากการผลิตที่อ่าวเม็กซิโกชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทพลังงานรายอื่นๆจะทรุดตัวลงด้วย โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป จะดิ่งลง 69% แตะระดับ 2.42 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลประกอบการของเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่สุดของสหรัฐ จะอยู่ที่ 93 เซนต์ต่อหุ้น นักลงทุนในตลาดน้ำมันนิวยอร์กจับตาดูความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) หลังจากประธาน CFTC ระบุว่า มีการเก็งกำไรอย่างหนักหน่วงในตลาดน้ำมัน และ CFTC เตรียมพิจารณาว่ารัฐบาลควรจำกัดจำนวนการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX และสัญญาน้ำมันประเภทอื่นๆของเทรดเดอร์ที่เข้ามาแสวงหาการเก็งกำไรในขณะนี้หรือไม่ นอจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 300,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.2%
ตลาดหุ้นยังร้อนแรงไม่หยุด บริษัทจีนขายไอพีโอครั้งใหญ่สุดในโลก
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 30 นาทีที่แล้ว
ข้อมูลจากสหรัฐ และมุมมองในด้านบวกเกี่ยวกับรายได้บริษัท ทำให้หุ้นทั่วโลกดีดตัวต่อ โดยเมื่อวานนี้พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่นักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่จดจ่อรอการขายไอพีโอครั้งใหญ่สุดในโลกสำหรับปีนี้จากบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่นเอ็นจิเนียริ่ง คอร์ป ในวันนี้
ผู้ค้าทุกราย ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกประเภท 80 สต./ลิตร มีผลพรุ่งนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 21 นาทีที่แล้ว
ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิดอีก 80 สตางค์/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันพรุ่งนี้(29 ก.ค.) เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันตามสถานีบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล วันพรุ่งนี้เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 34.14 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 30.54 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 29.74 บาท และดีเซล ลิตรละ 28.09 บาท
ด้านนายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น โดยยอดขายบ้านมือสองในเดือน มิ.ย.52 ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11% และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้จะมีปริมาณลดลง รวมถึงการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำสถิติต่ำที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียยังคงลุกลามจนอาจกลายเป็นความขัดแย้งทางศาสนา ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 68.65 ดอลลาร์/บาร์เรล, เบนซิน 95 สิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีก 5.2 ดอลลาร์/บาร์เรล (ประมาณ 1.14 บาท) มาอยู่ที่ 78.32 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลราคาสูงขึ้นอีก 4.3 ดอลลาร์/บาร์เรล (ประมาณ 0.95 บาท) มาอยู่ที่ 76.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ปตท.จึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล 80 สตางค์/ลิตร ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป
ครม.ขยายเวลาโครงการสถาบันเกษตรฯแก้ปัญหาราคายางตกต่ำไปอีก 1 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 41 นาทีที่แล้ว
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบขยายโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ จากเดิม 31 ธ.ค. 52 เป็น 31 ธ.ค. 53 ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
การขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ เนื่องจากพบว่ามีปัญหาและความล่าช้าในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณา การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารและปฏิบัติงาน รวมถึงการอนุมัติเงิน ทำให้ผลการดำเนินโครงการ มีความคืบหน้าน้อยมาก
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $14.40 หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐหดตัว
Wednesday, July 29, 2009 07:19:00
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจฉุดดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ที่รวมถึงทองคำ ให้อ่อนแอลงด้วยสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 939.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 14.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 933.80-956.80 ดอลลาร์ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.74 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 25.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 2.45 เซนต์ ปิดที่ 2.5205 ดอลลาร์/ปอนด์ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนต.ค.ปิดที่ 1,196.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 25.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนก.ย.ปิดที่ 260.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.95 ดอลลาร์บลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำอย่างหนักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุดนอกจากนี้ ตลาดทองคำ COMEX ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง บีพี โดยบีพีรายงานว่าผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร หลังความเชื่อมั่นอ่อนแอหนุนนลท.ทุ่มซื้อดอลล์
Wednesday, July 29, 2009 07:48:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจีดีพีและยอดซื้อสินค้าคงทนค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.55% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4165 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4244 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ระดับ 1.6432 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6490 ปอนด์/ดอลลาร์ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.58% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0757 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0694 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.58% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.630 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 95.180 เยน/ดอลลาร์ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.56% แตะที่ 0.8273 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8227 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.24% แตะที่ 0.6584 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6568 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด"ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการถือครองสกุลเงินดอลลาร์เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจผันผวน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ค.สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความวิตกกังวลต่ออัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ในไม่ช้านี้" วูลฟอล์คกล่าวเฟดระบุว่า การซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศหดตัวลง 26.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แตะที่ระดับ 5.27 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2548นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Bookวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นต้นประจำไตรมาส 2
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 57.29 จุด หลังผลประกอบการ "บีพี" ทรุดหนัก
Wednesday, July 29, 2009 08:00:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) หลังจากบีพี บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ รายงานผลประกอบการที่ทรุดฮวบลงอย่างหนัก และการร่วงลงของหุ้นบีพีเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี FTSE 100 ดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 57.29 จุด แตะที่ 4,528.84 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,520.26-4,616.44 จุดดัชนี FTSE 100 ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วโคลิน มอร์ตัน นักวิเคราะห์จาก BWD Rensburg กล่าวว่า บีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายแรกในยุโรปที่รายงานผลประกอบการ กำลังดำเนินการลดต้นทุนและกระตุ้นผลผลิตเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยบีพีเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในปีนี้ หลังจากการผลิตที่อ่าวเม็กซิโกชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุดทั้งนี้ หุ้นบีพีดิ่งลง 3.1% ส่วนหุ้นพลังงานตัวอื่นๆนั้น หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดร่วง 1.1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดลบ 1.4% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดร่วง 1.8% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดร่วง 2 ส่วนหุ้นเอ็กสตราต้า ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ปิดร่วง 6.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอส ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนลงสู่ระดับ “neutral" จากเดิมที่ระดับ “buy"
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดตลาดร่วง 51.35 จุด หลังเย็นแข็งฉุดหุ้นส่งออกดิ่ง
Wednesday, July 29, 2009 08:29:56
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทเอกชนญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดร่วงลง 51.35 จุด แตะที่ 10,035.91 จุดหุ้นกลุ่มส่งออกถูกเทขายหลังจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มหลักทรัพย์ และกลุ่มบริษัทผลิตแก้วและเซรามิก ดิ่งลงเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มเหล็กและสินแร่เหล็ก กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มคลังสินค้า ดีดตัวขึ้นนักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่น รวมถึง นิสสัน มอเตอร์ และโตชิบ้า ในสัปดาห์นี้
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดอ่อนตัว 0.53% เหตุวิตกหุ้นไอพีโอบริษัทก่อสร้าง
Wednesday, July 29, 2009 08:51:2
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปิดซื้อขายหุ้นไอพีโอจำนวนมหาศาลของบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ปสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอ่อนตัวลง 0.53% แตะ 3,419.99 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 0.42% แตะ 13,778.58 จุด บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่สุดของจีน วางแผนระดมทุนถึง 5.02 หมื่นล้านหยวน หรือ 7.2 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อขายหุ้นไอพีโอครั้งใหญ่สุดของโลกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551
--อินโฟเควสท์--
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 9 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐ และรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนัก ขณะที่ดัชนี Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 11.79 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 9,096.72 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 2.56 จุดหรือ 0.26% แตะที่ 979.62 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.62 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 1,975.51 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.24 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.23 พันล้านหุ้น จอห์น เมอร์ริล นักวิเคราะห์จาก Tanglewood Wealth Management กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลง หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังผลประกอบการของหลายบริษัท รวมถึงบริษัท ออฟฟิศ ดีโปท์ อิงค์ และบริษัท โคช เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการขาดกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า ทำให้ยอดขายของบริษัททั้งสองหดตัวลงอย่างรุนแรง ขณะที่บริษัท แคนนอน อิงค์ รายงานผลกำไรไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2552 อยู่ที่ 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 84.5% จากปีก่อน จากยอดขายที่ร่วงลง 29.9% แตะ 1.48 ล้านล้านเยน ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานดิ่งลง 80.4% แตะ 6.49 หมื่นล้านเยน บริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป รายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดราคาพลังงานลดลงและทำให้ดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยดัชนีราคาบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.โดยเพิ่มขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาบ้านอาจจะเริ่มมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ราคาบ้านจะลดลง 0.5% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านลดลง 17.1% ในเดือนพ.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ลดลง 18.1% ในเดือนพ.ค.ปี 2551 ส่วนยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11% แตะที่ 384,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ 346,000 ยูนิตต่อปี ส่วนราคากลางของบ้านอยู่ที่ 206,200 ดอลลาร์ ลดลง 12% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ แม้อัตราว่างงานจะยังพุ่งสูงขึ้น แต่ราคาบ้านที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำเริ่มดึงดูดผู้ซื้อให้หันมาซื้อบ้านมากขึ้น หุ้นออฟฟิศ ดีโปท์ ปิดร่วง 18.1% หุ้นโคชปิดลบ 38 เซนต์ แตะที่ 28.05 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นเท็กซ์ตรอนปิดพุ่ง 17.6% หุ้นไอบีเอ็มปิดลบ 35 เซนต์ แตะที่ 117.28 ดอลลาร์ และหุ้นเอสพีเอสเอสปิดพุ่ง 40.9% ส่วนหุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ปิดบวก 4 เซนต์ ปิดที่ 4.59 ดอลลาร์ และหุ้นเวอร์จิ้น โมบาย ปิดบวก 25.4%
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดร่วง $1.15 เหตุวิตกศก.ถดถอยฉุดดีมานด์พลังงาน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 49 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าดีมานด์พลังงานอาจซบเซาลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง บีพี พร้อมกับจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.และรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 67.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.48-68.86 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.19 เซนต์ ปิดที่ 1.7647 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 2.41 เซนต์ ปิดที่ 1.9106 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.31% ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์/บาร์เรล จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จาก Ritterbuschand Associates กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลายวันติดต่อกัน และหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด บริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โคลิน มอร์ตัน นักวิเคราะห์จาก BWD Rensburg กล่าวว่า บีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายแรกในยุโรปที่รายงานผลประกอบการ กำลังดำเนินการลดต้นทุนและกระตุ้นผลผลิตเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยบีพีเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในปีนี้ หลังจากการผลิตที่อ่าวเม็กซิโกชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทพลังงานรายอื่นๆจะทรุดตัวลงด้วย โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป จะดิ่งลง 69% แตะระดับ 2.42 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลประกอบการของเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่สุดของสหรัฐ จะอยู่ที่ 93 เซนต์ต่อหุ้น นักลงทุนในตลาดน้ำมันนิวยอร์กจับตาดูความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) หลังจากประธาน CFTC ระบุว่า มีการเก็งกำไรอย่างหนักหน่วงในตลาดน้ำมัน และ CFTC เตรียมพิจารณาว่ารัฐบาลควรจำกัดจำนวนการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX และสัญญาน้ำมันประเภทอื่นๆของเทรดเดอร์ที่เข้ามาแสวงหาการเก็งกำไรในขณะนี้หรือไม่ นอจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 300,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.2%
ตลาดหุ้นยังร้อนแรงไม่หยุด บริษัทจีนขายไอพีโอครั้งใหญ่สุดในโลก
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 30 นาทีที่แล้ว
ข้อมูลจากสหรัฐ และมุมมองในด้านบวกเกี่ยวกับรายได้บริษัท ทำให้หุ้นทั่วโลกดีดตัวต่อ โดยเมื่อวานนี้พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่นักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่จดจ่อรอการขายไอพีโอครั้งใหญ่สุดในโลกสำหรับปีนี้จากบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่นเอ็นจิเนียริ่ง คอร์ป ในวันนี้
ผู้ค้าทุกราย ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกประเภท 80 สต./ลิตร มีผลพรุ่งนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 21 นาทีที่แล้ว
ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิดอีก 80 สตางค์/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันพรุ่งนี้(29 ก.ค.) เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันตามสถานีบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล วันพรุ่งนี้เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 34.14 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 30.54 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 29.74 บาท และดีเซล ลิตรละ 28.09 บาท
ด้านนายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น โดยยอดขายบ้านมือสองในเดือน มิ.ย.52 ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11% และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้จะมีปริมาณลดลง รวมถึงการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำสถิติต่ำที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียยังคงลุกลามจนอาจกลายเป็นความขัดแย้งทางศาสนา ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 68.65 ดอลลาร์/บาร์เรล, เบนซิน 95 สิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีก 5.2 ดอลลาร์/บาร์เรล (ประมาณ 1.14 บาท) มาอยู่ที่ 78.32 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลราคาสูงขึ้นอีก 4.3 ดอลลาร์/บาร์เรล (ประมาณ 0.95 บาท) มาอยู่ที่ 76.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ปตท.จึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล 80 สตางค์/ลิตร ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป
ครม.ขยายเวลาโครงการสถาบันเกษตรฯแก้ปัญหาราคายางตกต่ำไปอีก 1 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 41 นาทีที่แล้ว
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบขยายโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ จากเดิม 31 ธ.ค. 52 เป็น 31 ธ.ค. 53 ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
การขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ เนื่องจากพบว่ามีปัญหาและความล่าช้าในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณา การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารและปฏิบัติงาน รวมถึงการอนุมัติเงิน ทำให้ผลการดำเนินโครงการ มีความคืบหน้าน้อยมาก
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $14.40 หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐหดตัว
Wednesday, July 29, 2009 07:19:00
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจฉุดดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ที่รวมถึงทองคำ ให้อ่อนแอลงด้วยสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 939.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 14.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 933.80-956.80 ดอลลาร์ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.74 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 25.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 2.45 เซนต์ ปิดที่ 2.5205 ดอลลาร์/ปอนด์ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนต.ค.ปิดที่ 1,196.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 25.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนก.ย.ปิดที่ 260.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.95 ดอลลาร์บลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำอย่างหนักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุดนอกจากนี้ ตลาดทองคำ COMEX ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง บีพี โดยบีพีรายงานว่าผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร หลังความเชื่อมั่นอ่อนแอหนุนนลท.ทุ่มซื้อดอลล์
Wednesday, July 29, 2009 07:48:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจีดีพีและยอดซื้อสินค้าคงทนค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.55% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4165 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4244 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ระดับ 1.6432 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6490 ปอนด์/ดอลลาร์ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.58% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0757 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0694 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.58% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.630 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 95.180 เยน/ดอลลาร์ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.56% แตะที่ 0.8273 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8227 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.24% แตะที่ 0.6584 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6568 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุด"ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการถือครองสกุลเงินดอลลาร์เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจผันผวน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ค.สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความวิตกกังวลต่ออัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ในไม่ช้านี้" วูลฟอล์คกล่าวเฟดระบุว่า การซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศหดตัวลง 26.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แตะที่ระดับ 5.27 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2548นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Bookวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นต้นประจำไตรมาส 2
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 57.29 จุด หลังผลประกอบการ "บีพี" ทรุดหนัก
Wednesday, July 29, 2009 08:00:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) หลังจากบีพี บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ รายงานผลประกอบการที่ทรุดฮวบลงอย่างหนัก และการร่วงลงของหุ้นบีพีเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี FTSE 100 ดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 57.29 จุด แตะที่ 4,528.84 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,520.26-4,616.44 จุดดัชนี FTSE 100 ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัท บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบีพี อยู่ที่ 4.39 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 9.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วโคลิน มอร์ตัน นักวิเคราะห์จาก BWD Rensburg กล่าวว่า บีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายแรกในยุโรปที่รายงานผลประกอบการ กำลังดำเนินการลดต้นทุนและกระตุ้นผลผลิตเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยบีพีเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในปีนี้ หลังจากการผลิตที่อ่าวเม็กซิโกชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับ 46.6 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 49 จุดทั้งนี้ หุ้นบีพีดิ่งลง 3.1% ส่วนหุ้นพลังงานตัวอื่นๆนั้น หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดร่วง 1.1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดลบ 1.4% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดร่วง 1.8% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดร่วง 2 ส่วนหุ้นเอ็กสตราต้า ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ปิดร่วง 6.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอส ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนลงสู่ระดับ “neutral" จากเดิมที่ระดับ “buy"
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดตลาดร่วง 51.35 จุด หลังเย็นแข็งฉุดหุ้นส่งออกดิ่ง
Wednesday, July 29, 2009 08:29:56
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทเอกชนญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดร่วงลง 51.35 จุด แตะที่ 10,035.91 จุดหุ้นกลุ่มส่งออกถูกเทขายหลังจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มหลักทรัพย์ และกลุ่มบริษัทผลิตแก้วและเซรามิก ดิ่งลงเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มเหล็กและสินแร่เหล็ก กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มคลังสินค้า ดีดตัวขึ้นนักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่น รวมถึง นิสสัน มอเตอร์ และโตชิบ้า ในสัปดาห์นี้
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดอ่อนตัว 0.53% เหตุวิตกหุ้นไอพีโอบริษัทก่อสร้าง
Wednesday, July 29, 2009 08:51:2
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปิดซื้อขายหุ้นไอพีโอจำนวนมหาศาลของบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ปสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอ่อนตัวลง 0.53% แตะ 3,419.99 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 0.42% แตะ 13,778.58 จุด บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่สุดของจีน วางแผนระดมทุนถึง 5.02 หมื่นล้านหยวน หรือ 7.2 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อขายหุ้นไอพีโอครั้งใหญ่สุดของโลกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551
--อินโฟเควสท์--
Comments
Post a Comment