ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข้อมูลอุตสาหกรรมสหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 114.95 จุด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งข้อมูลที่สดใสทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการธนาคาร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 114.95 จุด หรือ 1.25% แตะที่ 9,286.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 15.15 จุด หรือ 1.53% แตะที่ 1,002.63 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 30.11 จุด หรือ 1.52% แตะที่ 2,008.61 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.18 พันล้านหุ้น โฮเวิร์ด เวิร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัท GAMCO Growth Fund ในนิวยอร์กกล่าวว่า "แม้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กหลุดพ้นจากช่วงขาลงแล้ว แต่ข้อมูลเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ออกมาดีเกินคาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงตัวเลขจีดีพี ยอดขายบ้าน และข้อมูลด้านการผลิต" สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตามลง จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง ตลาดขานรับนายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการ “This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวานนี้ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี จะสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยกรีนสแปนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวในอัตรา 2.5% เมื่อดูจากตัวเลขสต็อกสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้บริโภค นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารในยุโรป โดยธนาคารบาร์เคลย์สรายงานกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10% และธนาคาร HSBC กำไรครึ่งปีแรกลดลง 57% แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนในฟากอุตสาหกรรมรถยนต์นั้น และบริษัทฟอร์ด มอเตอร์รายงานยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าโครงการนำรถยนต์เก่ามาแลกรถยนต์ใหม่ของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทรถยนต์ในประเทศได้ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดพุ่ง 4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 3.6%
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $3 หลังดอลล์อ่อน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 25 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงตัวเลขจีดีพีสหรัฐ ดัชนีภาคการผลิตทั้งของสหรัฐและจีน และยอดขายบ้านที่ออกมาดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวสูงขึ้นอีก
สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 958.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 954.30-966.90 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 14.252 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.20 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 11.5 เซนต์ ปิดที่ 2.7385 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,239.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 25.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 274.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.00 ดอลลาร์ ริชาร์ด เฟลเตส นักวิเคราะห์ MF Global ในเมืองชิคาโก กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาทองคำทะยานขึ้น โดยเมื่อวานนี้สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตาม ส่วนดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่งแตะ $71.58 หลังดอลล์อ่อน-ภาคอุตสาหกรรมสหรัฐสดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 53 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับฐานขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้สูงขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.13% หรือ 3% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.10-70.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.67 เซนต์ ปิดที่ 2.0693 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 3.88 เซนต์ ปิดที่ 1.8713 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.55 ดอลลาร์/บาร์เรล เอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และหลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตามลง จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศ และช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับศาสตราจารย์นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และเป็นผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในปี 2549 ที่คาดการณ์ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ในปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเริ่มคลี่คลายลง และที่ปลายอุโมงค์ก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมากแล้ว ทั้งนี้ ดัชนี Reuters/Jefferies CRB ของสินค้าโภคภัณฑ์ 19 ประเภท ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% ในปีนี้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีส่วนช่วยกระตุ้นดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น 56% ในปีนี้ ขณะที่ราคาทองแดงทะยานขึ้น 86%
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังข้อมูลเศรษฐกิจสดใสหนุนนลท.แห่เทรดตลาดหุ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 3 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวครอบคลุมถึงตัวเลขจีดีพีสหรัฐ และข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นหลังจากพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นยืนยันว่าจะไม่ลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์หากได้รับคะแนนเสียงให้จัดตั้งรัฐบาลในวันข้างหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.18% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ 1.4415 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4247 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 1.32% เมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ที่ 1.6938 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6718 ปอนด์/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนตัวลง 0.89% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิที่ 1.0588 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0683 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 95.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.660 เยน/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 0.8416 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8351 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.85% แตะที่ 0.6671 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6615 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัท Brown Brothers Harriman ในเมือชิคาโกกล่าวกับเอพีว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง และยังกระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น โดยสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตาม ส่วนดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นหลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุดซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551 ถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า เศรษฐกิจของอังกฤษกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนดพุ่งขึ้นหลังจากผลสำรวจความคิดเห็นจัดทำโดย Colmar Brunton ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของนิวซีแลนด์ บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวนิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นแบงค์ หนุนฟุตซี่ปิดพุ่ง 74.10 จุด
Tuesday, August 04, 2009 08:04:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจาก HSBC รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ, จีน และอังกฤษ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 74.10 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 4,682.46 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,595.58-4,710.23 จุดโจชัว เรย์มอนด์ นักวิเคราะห์จาก City Index กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 ขณะที่ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551 หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น หลังจากธนาคาร HSBC รายงานรายได้สุทธิลดลงแตะระดับ 3.35 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 7.72 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น HSBC พุ่งขึ้น 5% ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สปิดบวก 6.7% หลังจากบาร์เคลย์สเปิดเผยรายได้สุทธิพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.89 พันล้านปอนด์ หรือ 3.16 พันล้านดอลลาร์หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดบวก 1.1% ก่อนที่ทางธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคาร ขณะที่หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิ้ง ปิดบวก 0.3% ก่อนที่ลอยด์สจะเผยผลประกอบการในวันพุธ และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 3.5% ก่อนที่ทางธนาคารจะเผยผลประกอบการในวันศุกร์
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: ข้อมูลภาคการผลิตสดใส หนุนนิกเกอิพุ่ง 118.58 จุดเช้านี้
Tuesday, August 04, 2009 08:25:47
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้านี้ ขานรับข้อมูลด้านการผลิตของสหรัฐ จีน และอังกฤษ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 118.58 จุด หรือ 1.15% แตะที่ระดับ 10,471.05 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ หลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 ขณะที่ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551ราคาหุ้นทะยานขึ้นเกือบทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มเทรดดิ้ง และกลุ่มประกัน พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งข้อมูลที่สดใสทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการธนาคาร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 114.95 จุด หรือ 1.25% แตะที่ 9,286.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 15.15 จุด หรือ 1.53% แตะที่ 1,002.63 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 30.11 จุด หรือ 1.52% แตะที่ 2,008.61 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.18 พันล้านหุ้น โฮเวิร์ด เวิร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัท GAMCO Growth Fund ในนิวยอร์กกล่าวว่า "แม้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กหลุดพ้นจากช่วงขาลงแล้ว แต่ข้อมูลเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ออกมาดีเกินคาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงตัวเลขจีดีพี ยอดขายบ้าน และข้อมูลด้านการผลิต" สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตามลง จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง ตลาดขานรับนายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการ “This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวานนี้ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี จะสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยกรีนสแปนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวในอัตรา 2.5% เมื่อดูจากตัวเลขสต็อกสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้บริโภค นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารในยุโรป โดยธนาคารบาร์เคลย์สรายงานกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10% และธนาคาร HSBC กำไรครึ่งปีแรกลดลง 57% แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนในฟากอุตสาหกรรมรถยนต์นั้น และบริษัทฟอร์ด มอเตอร์รายงานยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าโครงการนำรถยนต์เก่ามาแลกรถยนต์ใหม่ของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทรถยนต์ในประเทศได้ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดพุ่ง 4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 3.6%
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $3 หลังดอลล์อ่อน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 25 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงตัวเลขจีดีพีสหรัฐ ดัชนีภาคการผลิตทั้งของสหรัฐและจีน และยอดขายบ้านที่ออกมาดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวสูงขึ้นอีก
สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 958.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 954.30-966.90 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 14.252 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.20 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 11.5 เซนต์ ปิดที่ 2.7385 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,239.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 25.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 274.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.00 ดอลลาร์ ริชาร์ด เฟลเตส นักวิเคราะห์ MF Global ในเมืองชิคาโก กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาทองคำทะยานขึ้น โดยเมื่อวานนี้สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตาม ส่วนดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่งแตะ $71.58 หลังดอลล์อ่อน-ภาคอุตสาหกรรมสหรัฐสดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 53 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับฐานขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้สูงขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.13% หรือ 3% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.10-70.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.67 เซนต์ ปิดที่ 2.0693 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 3.88 เซนต์ ปิดที่ 1.8713 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.55 ดอลลาร์/บาร์เรล เอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และหลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตามลง จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศ และช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับศาสตราจารย์นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และเป็นผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในปี 2549 ที่คาดการณ์ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ในปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเริ่มคลี่คลายลง และที่ปลายอุโมงค์ก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมากแล้ว ทั้งนี้ ดัชนี Reuters/Jefferies CRB ของสินค้าโภคภัณฑ์ 19 ประเภท ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% ในปีนี้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีส่วนช่วยกระตุ้นดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น 56% ในปีนี้ ขณะที่ราคาทองแดงทะยานขึ้น 86%
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังข้อมูลเศรษฐกิจสดใสหนุนนลท.แห่เทรดตลาดหุ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 3 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวครอบคลุมถึงตัวเลขจีดีพีสหรัฐ และข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นหลังจากพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นยืนยันว่าจะไม่ลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์หากได้รับคะแนนเสียงให้จัดตั้งรัฐบาลในวันข้างหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.18% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ 1.4415 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4247 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 1.32% เมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ที่ 1.6938 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6718 ปอนด์/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนตัวลง 0.89% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิที่ 1.0588 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0683 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 95.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.660 เยน/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 0.8416 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8351 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.85% แตะที่ 0.6671 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6615 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัท Brown Brothers Harriman ในเมือชิคาโกกล่าวกับเอพีว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง และยังกระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น โดยสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 และ อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด แม้ว่าดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวก็ตาม ส่วนดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวของธุรกิจส่งออก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จุดจากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 51.8 จุด ซึ่งทำสถิติขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นหลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุดซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551 ถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า เศรษฐกิจของอังกฤษกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนดพุ่งขึ้นหลังจากผลสำรวจความคิดเห็นจัดทำโดย Colmar Brunton ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของนิวซีแลนด์ บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวนิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นแบงค์ หนุนฟุตซี่ปิดพุ่ง 74.10 จุด
Tuesday, August 04, 2009 08:04:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจาก HSBC รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ, จีน และอังกฤษ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 74.10 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 4,682.46 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,595.58-4,710.23 จุดโจชัว เรย์มอนด์ นักวิเคราะห์จาก City Index กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 ขณะที่ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551 หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น หลังจากธนาคาร HSBC รายงานรายได้สุทธิลดลงแตะระดับ 3.35 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 7.72 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น HSBC พุ่งขึ้น 5% ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สปิดบวก 6.7% หลังจากบาร์เคลย์สเปิดเผยรายได้สุทธิพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.89 พันล้านปอนด์ หรือ 3.16 พันล้านดอลลาร์หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดบวก 1.1% ก่อนที่ทางธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคาร ขณะที่หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิ้ง ปิดบวก 0.3% ก่อนที่ลอยด์สจะเผยผลประกอบการในวันพุธ และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 3.5% ก่อนที่ทางธนาคารจะเผยผลประกอบการในวันศุกร์
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: ข้อมูลภาคการผลิตสดใส หนุนนิกเกอิพุ่ง 118.58 จุดเช้านี้
Tuesday, August 04, 2009 08:25:47
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้านี้ ขานรับข้อมูลด้านการผลิตของสหรัฐ จีน และอังกฤษ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 118.58 จุด หรือ 1.15% แตะที่ระดับ 10,471.05 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ หลังจากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 48.9 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 ขณะที่ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และดัชนีภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 50.8 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551ราคาหุ้นทะยานขึ้นเกือบทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มเทรดดิ้ง และกลุ่มประกัน พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--
Comments
Post a Comment