News Update : 06/08/2009

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 39.22 จุด ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีภาคบริการที่หดตัวลงและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายและมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 39.22 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 9,280.97 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.93 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,002.72 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 18.26 จุด หรือ 0.91% แตะที่ 1,993.05 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.88 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.41 พันล้านหุ้น เฮนรี่ เฮอร์มานน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Well & Reed กล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายซบเซาลงและถ่วงดัชนีดาวโจนส์อ่อนตัวลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการหดตัวลงสู่ระดับ 46.4 จุดในเดือนก.ค.จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 47.0 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 48.0 จุด นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขว่างงานนอกภาคการเกษตรา (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.ค.จะลดลง 325,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ทรุดตัวลง 467,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนดังกล่าวจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.6% คอนราด เดอควาดอส หัวหน้านักวิเคราะห์จาก RDQ Economics ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.ของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวในอัตราที่ช้าลง หลังจากทางการสหรัฐเผยจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1%ต่อปี น้อยกว่าที่คาดว่าจะหดตัว 1.5% แต่ภาคเอกชนที่ลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ระดับ 9.6% ADP Employer Services เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 371,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ลดลง 463,000 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลงเพียง 345,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังพอได้รับปัจจัยอยู่บ้าง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดสั่งซื้อของโรงงานจะลดลง 1.0% ทั้งนี้ หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ปิดร่วง 2.8% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายรายไตรมาสลดลง ขณะที่หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ปิดพุ่ง 62.7% จากการคาดการณ์ที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจะออกมาดีเกินคาด ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดบวกพุ่ง 6.5%

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก 55 เซนต์ แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 53 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นเกินคาดก็ตาม โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบปิดบวกอย่างต่อเนื่องมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังในการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์นี้
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 71.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 69.71-72.10 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 5.55 เซนต์ ปิดที่ 1.9569 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 0.55 เซนต์ ปิดที่ 2.0512 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.66% แตะที่ 75.51 ดอลลาร์/บาร์เรล จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จาก Ritterbuschand Associates กล่าวกับเอพีว่า "นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบแม้ทางการสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันลดการใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้น่าจะมาจากข้อมูลภาคโรงงานของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น " กระทรวงพลังงานรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ก.ค.พุ่งขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 349.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 161.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล แตะที่ 212.9 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.1% แตะที่ 84.5% สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดสั่งซื้อของโรงงานจะลดลง 1.0% นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขว่างงานนอกภาคการเกษตรา (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.ค.จะลดลง 325,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ทรุดตัวลง 467,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนดังกล่าวจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.6%

สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 1.7 ล้านบาร์เรล,เบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 12 นาทีที่แล้ว
กระทรวงพลังงานรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ก.ค.พุ่งขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 349.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 161.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล แตะที่ 212.9 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.1% แตะที่ 84.5% บลูมเบิร์กรายงานว่า สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปีพ.ศ. 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: วิตกข้อมูลจ้างงาน ถ่วงทองคำปิดลบ $3.40
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 33 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าผู้ประกอบการเอกชนลดการจ้างงาน ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลและจับตาดูตัวเลขจ้างงานที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ การที่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงยังส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 966.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 970.80-961.10 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 14.760 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.65 เซนต์ ปิดที่ 2.8120 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนต.ค.ปิดที่ 1,293.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 279.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.70 ดอลลาร์ เดวิด เบม นักวิเคราะห์จาก Blanchard & Co. กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำซบเซาลงหลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 371,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ลดลง 463,000 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลงเพียง 345,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขว่างงานนอกภาคการเกษตรา (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.ค.จะลดลง 325,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ทรุดตัวลง 467,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนดังกล่าวจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.6%

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร,ปอนด์ ขณะนลท.จับตาประชุมแบงค์ชาติอังกฤษ-ยุโรปเย็นนี้
Thursday, August 06, 2009 07:50:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเย็นวันนี้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.09% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4412 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4399 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6997 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6932 ปอนด์/ดอลลาร์นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังร่วงลง 0.34% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.940 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 95.260 เยน/ดอลลาร์ แต่ดีดตัวขึ้น 0.08% แตะที่ 1.0611 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0603 ปอนด์/ดอลลาร์ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.64% แตะที่ 0.8396 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8450 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.03% แตะที่ 0.6728 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6726 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์บลูมเบิร์กรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กผันผวนมาก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทั้งบวกและลบ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการหดตัวลงสู่ระดับ 46.4 จุดในเดือนก.ค.จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 47.0 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 48.0 จุดADP Employer Services เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 371,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ลดลง 463,000 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลงเพียง 345,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดสั่งซื้อของโรงงานจะลดลง 1.0%นักลงทุนจับตาดูการประชุมอีซีบีและธนาคารกลางอังกฤษในช่วงเย็นวันนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารทั้งสองแห่งคงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรที่ดำเนินมานาน 5 เดือน หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย โดยคาดว่าธนาคารกลางจะประกาศยุติโครงการดังกล่าวในการประชุมประจำเดือนวันพรุ่งนี้ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแม้นายเกล็น สตีเฟนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า เนื่องจากมีข้อมูลโดยรวมที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มขยายตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และตัวเลขการใช้จ่ายของรัฐบาล
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นพลังงานถ่วงฟุตซี่ปิดลบ 24.24 จุด
Thursday, August 06, 2009 08:05:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดซึ่งสะท้อนถึงดีมานด์พลังงานที่หดตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนีปิดลบเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของอังกฤษสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 24.24 จุด แตะที่ 4,647.13 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,630.63-4,696.64 จุดแอนโทนี เกรช นักวิเคราะห์จาก IG Index ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบ แต่ก็ยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนมิ.ย.พุ่งสูงขึ้นสวนทางการคาดการณ์ และยังปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง หลังจากที่โรงงานในประเทศได้เพิ่มการผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอ่อนตัวลง 0.1%นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในช่วงเย็นวันนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรที่ดำเนินมานาน 5 เดือน หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดซึ่งสะท้อนถึงดีมานด์พลังงานที่หดตัวลง โดยหุ้นบีพีปิดลบ 1% หุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดร่วง 1.2% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดลบ 1.9% ส่วนหุ้นบีจี กรุ๊ปร่วงลง 3.6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ร่วงลง 3.9% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลง โดยหุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส ปิดลบ 1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดร่วง 2.3% หุ้นริโอ ตินโต ปิดลบ 3.2% หุ้นอันโตฟากัสตา ปิดร่วง 3.9% และหุ้นเอ็กซ์สตราตา ปิดร่วง 4.3%
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงซื้อเก็งกำไร หนุนนิกเกอิบวก 40.50 จุดเช้านี้
Thursday, August 06, 2009 08:37:39
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม นิกเกอิดีดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคบริการและตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอของภาคเอกชนสหรัฐสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น 40.50 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 10,293.03 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรถยนต์ และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกหลังจากดิ่งลงไป 1.18% เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม นิกเกอิปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการหดตัวลงสู่ระดับ 46.4 จุดในเดือนก.ค.จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 47.0 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 48.0 จุดขณะที่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 371,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ลดลง 463,000 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลงเพียง 345,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.เงินบาทเปิด 33.98/99 ตลาดยังนิ่ง คาดเคลื่อนไหวตามสกุลเงินภูมิภาค
Thursday, August 06, 2009 08:47:10นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.98/99 บาท/ดอลลาร์ ค่อนข้างทรงตัวจากระดับปิดตลาดวานนี้ แนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ค่อนข้างนิ่ง ยังไม่มีปัจจัยเด่นๆ ที่จะมีผลสำคัญต่อค่าเงิน ซึ่งคาดว่าเงินบาทจะมีทิศทางเช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค"วันนี้เงินบาทยังนิ่งๆ คงวิ่งตามภูมิภาค ปัจจัยที่จะมีผลต่อเงินบาทช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ และ flow ของตลาดหุ้นบ้านเรา" นักบริหารเงินระบุส่วนสกุลเงินต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 95.12/13 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.4427/4430 ดอลลาร์/ยูโรช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.92-34.05 บาท/ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์--

นักเศรษฐศาสตร์คาดธนาคารกลางยุโรปอาจตรึงดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมวันนี้
Thursday, August 06, 2009 08:56:13
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ในขณะที่กำลังพยายามเพิ่มสภาพคล่องในตลาดสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสนี้โดยนักเศรษฐศาสตร์ 52 รายจากการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ฌอง-คล้อด ทริเช่ ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 1% ในวันนี้ และไม่น่าจะใช้มาตรการใดเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ทางธนาคารกำลังประเมินผลกระทบจากโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์และปล่อยสินเชื่อ 12 เดือนให้กับธนาคารต่างๆ"ดูเหมือนว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้นเร็วเกินคาด ถึงกระนั้นการฟื้นตัวเต็มที่คงต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป" นิค คูนิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก ฟอร์ทิส แบงค์ ในอัมสเตอร์ดัม กล่าว "เราแค่เปลี่ยนจากจุดที่แย่มาเป็นแย่น้อยลง ยังไม่ถึงขั้นดีเลิศ"นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างเต็มที่คงไม่ง่ายนัก เนื่องจากอัตราว่างงานยังพุ่งสูงและดัชนีราคาผู้บริโภคยังร่วงเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะเป็นเศรษฐกิจหลักที่ทำผลงานได้แย่สุดในปีหน้า ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปจะประกาศผลการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในเวลา 13.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น และทริเช่จะจัดการแถลงข่าวหลังจากนั้น 45 นาที ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ในวันนี้เช่นกัน
--อินโฟเควสท์--

Comments