News Update : 19/08/2009

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 82.60 จุด ขานรับผลประกอบการ-ตัวเลขศก.สดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 27 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของโฮม ดีโปท์ บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขสร้างบ้านที่ดีเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าซื้อหุ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 82.60 จุด หรือ 0.90% แตะที่ 9,217.94 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.94 จุด หรือ 1.01% แตะที่ 989.67 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่ง 25.08 จุด หรือ 1.30% แตะที่ 1,955.92 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 991 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.75 พันล้านหุ้น จอห์น วิลสัน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Morgan Keegan ในนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นหลังจากโฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง ทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 สิงหาคมของโฮม ดีโปท์ อยู่ที่ 1.12 พันล้านดอลลาร์ หรือ 66 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 7.2% จากระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 71 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อน ซึ่งถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปิดธุรกิจเอ็กซ์โปของบริษัท กำไรจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 67 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของโฮม ดีโปท์ น่าจะอยู่ที่ 59 เซนต์ โดยเมื่อเดือนม.ค. โฮม ดีโปท์ ประกาศแผนการปิดศูนย์ออกแบบเอ็กซ์โป 34 แห่ง บลูมเบิร์กรายงานว่า ผลกำไรของโฮม ดีโปท์ เหนือว่าบริษัทคู่แข่งอย่าง โลว์ คอส (Lowe’s Cos) ซึ่งเมื่อวานนี้ได้รายงานผลกำไรที่ร่วงลงมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั้งสองบริษัทกำลังพยายามรับมือกับยอดขายที่ลดลงด้วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ขณะที่บรรดาผู้บริโภคต้องเผชิญกับมูลค่าบ้านที่ดิ่งลงและการตกงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างลดลง 1% แตะระดับ 581,000 ยูนิตในเดือนก.ค. และการอนุญาตก่อสร้างใหม่ร่วง 1.8% แตะระดับ 560,000 ยูนิต แต่ตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2551 และเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน นักลงทุนมีท่าทีผ่อนคลายเกี่ยวกับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค หลังจากเอบีซี นิวส์รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -46 จุดในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. จากระดับ -47 จุดในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปิดพุ่ง 2.8% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 2.1% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดบวก 2.4% ส่วนหุ้นโฮม ดีโปท์ ปิดพุ่ง 3.1% นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพลังงานจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจประจำเดือนส.ค. และวันศุกร์สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.

โฮม ดีโปท์ เผยกำไร Q2 ลดลงน้อยกว่าคาด-ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปีงบ 52
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 26 นาทีที่แล้ว
โฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง
ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 สิงหาคม อยู่ที่ 1.12 พันล้านดอลลาร์ หรือ 66 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 7.2% จากระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 71 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อน ซึ่งถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปิดธุรกิจเอ็กซ์โปของบริษัท กำไรจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 67 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของโฮม ดีโปท์ น่าจะอยู่ที่ 59 เซนต์ โดยเมื่อเดือนม.ค. โฮม ดีโปท์ ประกาศแผนการปิดศูนย์ออกแบบเอ็กซ์โป 34 แห่ง ผลกำไรของโฮม ดีโปท์ เหนือว่าบริษัทคู่แข่งอย่าง โลว์ คอส (Lowe’s Cos) ซึ่งเมื่อวานนี้ได้รายงานผลกำไรที่ร่วงลงมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั้งสองบริษัทกำลังพยายามรับมือกับยอดขายที่ลดลงด้วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ขณะที่บรรดาผู้บริโภคต้องเผชิญกับมูลค่าบ้านที่ดิ่งลงและการตกงาน โดยยอดขายของโฮม ดีโปท์ในไตรมาสสอง ลดลง 9.1% แตะ 1.91 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อน แฟรงก์ เบลค ซีอีโอ กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัย อัตราว่างงานที่สูงขึ้น และความอ่อนแอในเศรษฐกิจโดยรวม ยังคงกดดันผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ธุรกิจของเราทำผลงานได้ดีในตลาดขาลง โดยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดและขับเคลื่อนประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ด้วยดี ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงินปีนี้ เป็นลดลง 15 - 20% จากที่คาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ว่าจะร่วงลงลง 26% แต่ยังคงคาดการณ์ยอดขายว่าจะลดลงประมาณ 9%

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีทะยานแข็งแกร่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 27 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ปอนด์ และฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่และข้อมูลตลาดอสังหาที่สดใสของสหรัฐกระตุ้นนักลงทุนให้เทขายดอลลาร์ หลังจากที่เคยเข้าซื้ออย่างคึกคักเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะผันผวน ขณะที่สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ 1.4134 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4078 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 1.37% เมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ที่ 1.6567 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6343 ปอนด์/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ระดับ 1.0754 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0775 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดีดตัวขึ้น 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 94.680 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.480 เยน/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.72% แตะที่ 0.8265 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8206 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.14% แตะที่ 0.6751 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6675 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจาก โฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2551 และเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนในเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป พุ่งสูงขึ้นในเดือนส.ค. เนื่องจากความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการส่งออกที่เพิ่มขึ้นช่วยดึงให้เยอรมนีหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้สำเร็จ โดยดัชนีที่ชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 จุดในเดือนส.ค. จากระดับ 39.5 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งตัวเลขในเดือนส.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2549 และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะสูงขึ้นแตะ 45 จุดจากการสำรวจของบลูมเบิร์กนิวส์ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคอังกฤษ (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงแตะ 1.5% ทั้งนี้ ตัวเลข CPI ที่ทรงตัวสะท้อนให้เห็นว่า แรงกดดันเรื่องเงินฝืดที่จะมีต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอาจบรรเทาบางบางลง แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของรัฐบาลที่ 2.0% ก็ตาม นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพลังงานจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจประจำเดือนส.ค. และวันศุกร์สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $2.44 ขณะตลาดจับตาพายุบิล,สต็อกน้ำมันสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 9 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากตลาดปรับตัวตามตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ โฮม ดีโปท์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ และพายุเฮอร์ริเคน "บิล" ที่ทวีความรุนแรงในมหาสมุทรแอตแลนติกในขณะนี้
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 69.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.11-69.58 ดอลลาร์ โดยสัญญาเดือนก.ย.จะครบกำหนดส่งมอบในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.85 เซนต์ ปิดที่ 1.8650 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.87 เซนต์ ปิดที่ 2.0002 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ดีดขึ้น 1.83 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 69.46-72.81 ดอลลาร์ ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัท PFGBest Research ในนิวยอร์ก กล่าวกับเอพีว่า "นักลงทุนในตลาดน้ำมัน NYMEX อ่อนไหวต่อข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการเอกชน รวมทั้งปรับตัวตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก มากกว่าที่จะให้น้ำหนักกับข้อมูลที่มีอิทธิพลต่อตลาดพลังงาน รวมถึงพายุเฮอร์ริเคน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาดูพายุเฮอร์ริเคนบิลว่ามีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายเหมือนกับพายุเฮอร์ริเคนลูกอื่นๆที่พัดถล่มอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐไปก่อนหน้านี้หรือไม่" สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ได้รับแรงซื้ออย่างหนาแน่นหลังจากโฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างลดลง 1% แตะระดับ 581,000 ยูนิตในเดือนก.ค. และการอนุญาตก่อสร้างใหม่ร่วง 1.8% แตะระดับ 560,000 ยูนิต แต่ตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2551 และเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (NHC) รายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน "บิล" ทวีความรุนแรงขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติก และอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นเฮอร์ริเคนลูกใหญ่ในขณะมุ่งหน้าสู่เบอร์มิวดาในช่วงปลายสัปดาห์หน้านี้ นับเป็นเฮอร์ริเคนลูกแรกที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกในปีนี้ พายุเฮอร์ริเคนบิลเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมสูงสุด 90 ไมล์ หรือ 145 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ 75 ไมล์/ชั่วโมง ขณะที่ NHC คาดว่ากำลังลมสูงสุดของพายุเฮอร์ริเคนบิลจะเพิ่มขึ้นเป็น 111 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งจะกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนที่มีความรุนแรงระดับที่ 3 ตามมาตรวัดของ Saffir-Simpson ภายในวันพฤหัสบดีนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการรายงานในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $3.40 หลังดอลล์อ่อน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 52 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กคึกคักขึ้นเนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท โฮม ดีโปท์
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 939.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 935.00-941.60 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.960 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.1 เซนต์ ปิดที่ 2.7745 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,232.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 272.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.95 ดอลลาร์ สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และหลังจากโฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นแบงค์ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 40.77 จุด
Wednesday, August 19, 2009 08:00:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากโกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร HSBC นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีเกินคาดของเยอรมนีบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 40.77 จุด แตะที่ 4,685.78 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,645.01-4,688.22 จุดดาริอัส แมคเดอร์มอทท์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Chelsea Financial Services กล่าวว่านักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากโกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร HSBC โดยหุ้น HSBC พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดขึ้น 2.9% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป บวก 1.9%ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนในเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป พุ่งสูงขึ้นในเดือนส.ค. เนื่องจากความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการส่งออกที่เพิ่มขึ้นช่วยดึงให้เยอรมนีหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้สำเร็จสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคอังกฤษ (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงแตะ 1.5% ทั้งนี้ ตัวเลข CPI ที่ทรงตัวสะท้อนให้เห็นว่า แรงกดดันเรื่องเงินฝืดที่จะมีต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอาจบรรเทาบางบางลง แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของรัฐบาลที่ 2.0% ก็ตาม
--อินโฟเควสท์--


ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิบวก 30 จุดเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดบวก
Wednesday, August 19, 2009 08:25:36
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงโฮม ดีโปท์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม นิกเกอิดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆในระยะนี้สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิดีดขึ้น 30.06 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,315.02 จุดโบรกเกอร์กล่าวว่า นิกเกอิดีดตัวขึ้นหลังจากตลาดเปิดทำการได้ 15 นาที เพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึง โฮม ดีโปท์ และทาร์เก็ต คอร์ป รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม นิกเกอิดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูทิศทางตลาดหุ้นจีนอย่างระมัดระวัง และจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ และรายงานยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.
--อินโฟเควสท์--


ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสหรัฐ"ทาร์เก็ต คอร์ป,แซคส์ อิงค์,โฮม ดีโปท์"เผยผลประกอบการดีเกินคาดใน Q2/52
Wednesday, August 19, 2009 08:36:42
บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ รวมถึง ทาร์เก็ต คอร์ป, แซคส์ อิงค์ และโฮม ดีโปท์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาดหลังจากเดินหน้าใช้นโยบายปรับลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ทาร์เก็ต คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ลดลง 6.3% แตะที่ 594 ล้านดอลลาร์ หรือ 79 เซนต์ต่อหุ้น แต่มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 66 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่แซคส์ อิงค์ รายงานว่าตัวเลขขาดทุนสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 54.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 39 เซนต์ต่อหุ้น แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 52 เซนต์ต่อหุ้นการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของทาร์เก็ต คอร์ป และแซคส์ อิงค์ มีขึ้นหลังจากโฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสสองร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 สิงหาคมของโฮม ดีโปท์ อยู่ที่ 1.12 พันล้านดอลลาร์ หรือ 66 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 7.2% จากระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 71 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อน ซึ่งถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปิดธุรกิจเอ็กซ์โปของบริษัท กำไรจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 67 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของโฮม ดีโปท์ น่าจะอยู่ที่ 59 เซนต์ โดยเมื่อเดือนม.ค. โฮม ดีโปท์ ประกาศแผนการปิดศูนย์ออกแบบเอ็กซ์โป 34 แห่งทอม ชิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Telsey Advisory Group กล่าวว่า "บริษัทค้าปลีกในสหรัฐพยายามลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อให้อยู่รอดได้ในยามที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤตการณ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่หลายแห่งยังคงมีระบบบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการจัดการด้านต้นทุนผลิตภัณฑ์ การตลาด แรงงาน และอสังหาริมทรัพย์"บลูมเบิร์กรายงานว่า รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของโฮม ดีโปท์, ทาร์เก็ต คอร์ป และแซคส์ อิงค์ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น 82.60 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 9,217.94 จุดเมื่อคืนนี้
--อินโฟเควสท์--


หุ้นปิดบวกจากผลบ.ค้าปลีก-น้ำมันดิบพุ่ง2$
ยอดจำหน่ายของบริษัทค้าปลีกหลายแห่งดีกว่าที่คาดไว้ ช่วยให้ดัชนีหุ้นสหรัฐกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อีกครั้ง ส่วนน้ำมันดิบพุ่งกว่า 2 ดอลล์ ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกหลายแห่ง ทั้งโฮม ดีโป, ทาร์เก็ต คอร์ป และทีเจเอ็กซ์ คอส ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ สะท้อนว่าผู้บริโภคในประเทศยังคงใช้เงินจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่ แม้ไม่มากจนอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกครั้งด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปรับเพิ่ม 1.44 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 69.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 9,217.94 จุด เพิ่มขึ้น 82.60 จุด แนสแดค ปิดที่ 1,955.92 จุด เพิ่มขึ้น 25.08 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 989.67 จุด บวกเพิ่ม 9.94 จุดส่วน ราคาทองคำ ปิดที่ 939.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับเพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์สหรัฐ

Comments