News Update : 01/09/2009


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 47.92 จุด หลังตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 22 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน หลังจากมีรายงานว่าทางการจีนจะควบคุมอัตราการปล่อยกู้และภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกทั่วโลกด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐเพื่อประเมินแนวโน้มทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 47.92 จุด หรือ 0.50% แตะที่ 9,496.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 8.31 จุดหรือ 0.81% แตะที่ 1,020.62 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 19.71 จุด หรือ 0.97% แตะที่ 2,009.06 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.38 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.33 พันล้านหุ้น

บลองซ์ แทนเกอร์สลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Bay Crest Partners กล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาตั้งแต่ช่วงเช้าเพราะได้รับอิทธิพลจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน หลังจากสภาแห่งรัฐของจีนออกแถลงการณ์ว่า จีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งลงด้วย

เจฟฟ์ แพ็พ นักวิเคราะห์จาก Oberweis Asset Management Inc ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายสกัดกั้นการลงทุนส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กและซีเมนต์ แต่เชื่อว่าจีนจะดำเนินการควบคุมอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในด้านลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จีนกำลังส่งสัญญาณว่าภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่ ซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะลดลง 230,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และคาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐกำลังจะสิ้นสุดลง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาดูในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนก.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร

วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานประจำไตรมาส 2 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดร่วง $5.30 จากข่าวจีนเล็งควบคุมภาคอุตสาหกรรม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 44 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าการควบคุมภาคอุตสาหกรรมของจีนจะส่งผลให้ดีมานด์โลหะมีค่าและโลหะพื้นฐาน น้ำมันดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆร่วงลงด้วย

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 953.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 5.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 944.30-962.10 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 14.923 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 12.4 เซนต์ ปิดที่ 2.8265 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,244.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 1.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 293.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์

ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กซบเซาลงหลังจากมีข่าวว่า ทางการจีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมอัตราการปล่อยกู้และควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายเนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในผู้ใช้สินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ มีรายงานว่าสต็อกสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้จีนลดการนำเข้า

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: หวั่นจีนควบคุมภาคการผลิต ฉุดน้ำมันดิบปิดร่วง $2.78
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 2 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร และจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้หลังจากมีข่าวว่าทางการจีนวางแผนควบคุมภาคการผลิต ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงถ้วนหน้า

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 2.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ที่สัญญาน้ำมันดิบปิดต่ำกว่าระดับ 70 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.59 เซนต์ ปิดที่ 1.9859 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ย.ลดลง 8.11 เซนต์ ปิดที่ 1.7792 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 3.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานชื่อดังในสหรัฐ กล่าวว่า "นักลงทุนวิตกกังวลกับกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนวางแผนจะควบคุมภาคอุตสาหกรรม จึงได้พากันเทขายทำกำไร ผลคาดว่าสัญญาน้ำมันดิบอาจเคลื่อนไหวอยู่ไม่ห่างจากระดับ 70 ดอลลาร์มากนัก เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงตัวเลขจ้างงานในสหรัฐด้วย"

นักลงทุนตื่นตระหนกนับตั้งแต่สภาแห่งรัฐของจีนออกแถลงการณ์ว่า จีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมอัตราการปล่อยกู้และควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะลดลง 230,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และคาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐกำลังจะสิ้นสุดลง

กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจร่วงลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจดิ่งลง 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมโอเปคในวันที่ 9 ก.ย.นี้ หลังจากนายอับดุลเลาะห์ บิน ฮาหมัด อัล-อัตติยะห์ รมว.พลังงานของกาตาร์ และชี้ค อาหมัด อับดุลเลาะห์ อัล ซาบาห์ รัฐมนตรีพลังงานคูเวต ออกมาเรียกร้องให้โอเปคคงเป้าหมายการผลิตไว้เท่าเดิม โดยระบุว่าราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวราว 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับที่เหมาะสม

เทรดดอร์ส่งซิกครึ่งปีหลัง ราคาวัตถุดิบจะพุ่งสูงขึ้น
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 27 นาทีที่แล้ว
ไฟแนนเชียล ไทม์ บริษัทซื้อขายโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลกกลับมามีมุมมองในด้านดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมส่งสัญญาณ ราคาวัตถุดิบจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
แนวโน้มในด้านบวกจากบริษัทซื้อขายโภคภัณฑ์รายใหญ่อย่างเช่นเกล็นคอร์, คาร์กิลล์,มิตซูบิชิ,อาร์เชอร์ แดเนียลส์ มิดแลนด์ และโนเบิ้ล กรุ๊ป มีขึ้นหลังจากที่ประสบกับความยุ่งยากในช่วงครึ่งแรกโดยส่วนใหญ่มีผลกำไรและยอดขายที่ลดลงอย่างรุนแรง

ตลาดหุ้นจีนฉุดหุ้นทั่วโลกลงเหว ค่าเงินเยนแข็งรับผลเลือกตั้งญี่ปุ่น
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 28 นาทีที่แล้ว
หุ้นจีนดิ่งเหว 6% ฉุดหุ้นทั่วโลกดิ่งตามอีกครั้ง แต่ทำให้เงินเยนแข็งขึ้นเมื่อนักลงทุนที่มีความตื่นตระหนกเข้าถือเงินเยนเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นในการเลือกตั้งมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วยหนุนเงินเยนให้แข็งขึ้นอีกแรง

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินเยนพุ่งเทียบดอลล์ ขานรับผลเลือกตั้งในญี่ปุ่น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินเยนทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) ขานรับการผลการเลือกตั้งในญี่ปุ่น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเผยกิจกรรมทางธุรกิจปรับตัวขึ้นมากเกินคาดในเดือนส.ค.

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.27% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4335 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ 1.4296 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.10% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6283 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6267 ปอนด์/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.60% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.080 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 93.640 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0586 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0594 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.34% แตะที่ 0.8448 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8419 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.20% แตะที่ 0.6853 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6839 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

อาร์ชาฟ ไลดี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า ค่าเงินเยนแข็งแกร่งขึ้นหลังจากผลการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นบ่งชี้ว่า พรรคประชาธิปไตย (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ภายใต้การนำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ ได้รับชัยชนะเหนือพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายทาโร อาโสะ โดยพรรคดีพีเจได้ที่นั่งทั้งสิ้น 308 ที่นั่ง จากที่นั่งในสภาทั้งหมด 480 ที่นั่ง

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจเขตชิคาโกเพิ่มขึ้นแตะ 50.0 จุด ในเดือนส.ค.จาก 43.4 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 48.0 จุด และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะลดลง 230,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และคาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐกำลังจะสิ้นสุดลง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาดูในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนก.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร

วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานประจำไตรมาส 2 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: เยนแข็งค่า ถ่วงนิกเกอิเปิดตลาดลบ 39.16 จุด
Tuesday, September 01, 2009 08:26:59
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลดลงในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นหลังจากพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) คว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ การที่ตลาดยังขาดแรงจูงใจใหม่ๆ และการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวซบเซาลงเช้านี้ด้วย

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดลบ 39.16 จุด แตะที่ 10,453.37 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวซบเซาลงอย่างมากในช่วงเช้านี้ เพราะได้รับอิทธิพลจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นจีน หลังจากมีข่าวว่าทางการจีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมอัตราการปล่อยกู้และควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มขนส่งทางทะเล กลุ่มคลังสินค้า กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า ร่วงลง ส่วนหุ้นกลุ่มประกัน กลุ่มเครื่องจักร กลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--

จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.พุ่งแตะ 54 จุด
Tuesday, September 01, 2009 08:37:09
สมาคมลอจิสติกและการจัดซื้อของจีนรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54 จุด ในเดือนส.ค. หรือเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก.ค. โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50% บ่งชี้ว่ามีการขยายตัวในภาคการผลิต แต่ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์--

หุ้นสหรัฐปรับลด-น้ำมันดิบดิ่งต่ำกว่า70$
หุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงตามแรงเทขายของตลาดหุ้นย่านเอเชีย โดยเฉพาะจีนที่ยังมีความกังวลมาตราการคุมเข้มการปล่อยกู้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (1 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดการซื้อขาย ดัชนีปรับลงกว่า 1% ในหุ้นทุกกลุ่ม หุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ถูกเทขายมากที่สุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและแร่สำคัญอย่างทองแดงดิ่งลงฮวบฮาบ หลังจากมีแรงเทขายอย่างหนักในหุ้นย่านเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงถึง 6.7% จากความกังวลว่ามาตรการคุมเข้มการปล่อยกู้ของภาคธนาคารและสถาบันการเงินของ รัฐบาลจีน อาจส่งกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ดิ่งลง 2.78 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 69.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,496.28 จุด ลดลง 47.92 จุด หรือ 0.50% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,009.06 จุด ลดลง 19.71 จุด หรือ 0.97% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,020.62 จุด ลดลง 8.31 จุด หรือ 0.81%

ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดทำการ ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 5,464.61 จุด ลดลง 52.74 จุด หรือ 0.96% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,653.54 จุด ลดลง 39.60 จุด หรือ 1.07% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 69.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 3.14 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ออนซ์ละ 951.70 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.30 ดอลลาร์สหรัฐ

Comments