News Update : 09/09/2009


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข่าวควบรวมกิจการ หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 56.07 จุด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์ และกระแสควบรวมกิจการที่ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 56.07 จุด หรือ 0.59% แตะที่ 9,497.34 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8.99 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 1,025.39 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 18.99 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 2,037.77 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.32 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 22 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.01 พันล้านหุ้น

จอร์จ ชิพ นักวิเคราะห์จากบริษัท Scott & Stringfellow ในรัฐเวอร์จิเนีย กล่าวกับเอพีว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุนดาวโจนส์ปิดในแดนบวกมาจากกระแสควบรวมกิจการ โดยล่าสุดบริษัท คราฟท์ ฟู้ดส์ อิงค์ (Kraft Foods Inc.) บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกที่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการแคดบิวรี พีแอลซี (Cadbury Plc) ผู้ผลิตขนมสัญชาติอังกฤษเป็นมูลค่า 1.02 หมื่นล้านปอนด์ (1.67 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งแม้ว่าแคดบิวรีปฏิเสธ แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้จุดกระแสการควบรวมกิจการในยุโรปให้คึกคักขึ้น หลังจากที่อุตสหกรรมดังกล่าวเผชิญภาวะซบเซาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

ข่าวการควบรวมกิจการในครั้งนี้ทำให้บริษัท เอโวลูชั่น ซีเคียวริตีส์, แพนมัวร์ กอร์ดอน และ เคปเลอร์ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ต่างคาดการณ์ว่า แคดบิวรี อาจได้รับความสนใจจากอีกหลายบริษัทตั้งแต่ เนสเล่ เอสเอ ไปจนถึง เฮอร์ชีย์ โค และอาจขายกิจการได้ด้วยมูลค่าสูงสุดถึง 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าเนสเล่จะจับมือกับเฮอร์ชีย์ซื้อกิจการแคดบิวรี ส่วนบริษัทอื่นที่อาจร่วมวงเทคโอเวอร์แคดบิวรีประกอบด้วย เคลลอกก์ อิงค์ และ เป๊ปซี่โค อิงค์

การควบรวมบริษัทผลิตลูกกวาดครั้งใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เมื่อบริษัท มาร์ส อิงค์ ผู้ผลิตเอ็มแอนด์เอ็มส์ เข้าเทคโอเวอร์ ริกลีย์ และขึ้นแท่นผู้ผลิตลูกกวาดรายใหญ่สุดของโลกแทนที่แคดบิวรี อย่างไรก็ตาม หากแคดบิวรีตัดสินใจควบรวมกิจการกับคราฟท์ ก็จะมีส่วนแบ่งในตลาดขนมโลกราว 15% ซึ่งเท่ากับของมาร์ส ในขณะที่เนสเล่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 7.6%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค.

วันศุกร์จะมีการเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ย. และรายงานตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนส.ค.

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์เพิ่มขึ้น 4%

ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปิดบวก 4.5% หลังจากเจพีมอร์แกนปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่กระแสตอบรับเรื่องข่าวการควบรวมกิจการได้หนุนหุ้นแคดบิวรีปิดพุ่ง 38.5% แต่หุ้นคราฟท์ปิดลบ 5.9%

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ดอลล์อ่อนหนุนน้ำมันดิบปิดพุ่ง $3.08 ขณะนลท.จับตาประชุมโอเปค
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 52 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ซึ่งกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันและทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.08 ดอลลาร์ หรือ 4.53% ปิดที่ 71.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 67.54-71.79 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.บวก 6.20 เซนต์ หรือ 3.6% ปิดที่ 1.7825 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 5.26 เซนต์ ปิดที่ 1.8289 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 4.34% ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 66.79-70.10 ดอลลาร์

ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท PFGBest กล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคับคั่ง รวมถึงน้ำมันดิบและทองคำ เพราะเมื่อเงินดอลลาร์ถูกลง ราคาสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ถูกลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่าจะเกิดการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมอาหาร หลังจากบริษัท คราฟท์ ฟู้ดส์ อิงค์ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกที่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการแคดบิวรี พีแอลซี ผู้ผลิตขนมสัญชาติอังกฤษเป็นมูลค่า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุมโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธที่ 9 ก.ย.นี้ หลังจากรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคได้ออกมาส่งสัญญาก่อนการประชุมมาโดยตลอดว่า โอเปคจะคงเป้าหมายการผลิต โดยนายมูฮัมหมัด อัล-ชัตตี รมว.พลังงานคูเวตคาดการณ์ว่า โอเปคอาจคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพุธนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับที่สามารถยอมรับได้ แต่หากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอีก สมาชิกบางประเทศของโอเปค โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็จะลดซัพพลายเพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $3.10 หลังดอลล์อ่อน-นลท.มั่นใจเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 32 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) โดยสัญญาทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในระหว่างวัน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง นอกจากนี้ การที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจก็ยิ่งทำให้เกิดแรงซื้อมากขึ้นด้วย

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 999.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 992.60-1,009.70 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.510 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.50 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มเดือนต.ค.ปิดที่ 1,289.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 30.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 298.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์

ทอม วินมิลล์ นักวิเคราะห์จากริษัท Midas Fund ในนิวยอร์ก กล่าวว่า สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และหลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีกลุ่ม G20 มีมติสนับสนุนรัฐบาลทั่วโลกให้เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ของสัญญาน้ำมันดิบยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาทองคำทะยานขึ้นด้วย

-โมบายควบรวมออเรนจ์ ส่วนแคดบูรี่มีหลายบริษัทแย่งชิง
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว
ที-โมบาย และออเรนจ์จะควบรวมธุรกิจในอังกฤษเข้าด้วยกัน กลายเป็นบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ที่มีลูกค้าราว 28.4 ล้านคน ขณะที่หุ้นแคดบูรี่พุ่งเกือบ 40% หลังปฏิเสธคราฟ์ ฟูดส์ นักวิเคราะห์เชื่อคราฟต์ ฟูดส์จะต้องเพิ่มราคาขึ้น หรือไม่ก็อาจจะมีบริษัทอื่นๆเข้าแข่ง โดยมีแนวโน้มว่าเนสต์เล่จะจับมือกับเฮอร์ชี่

ทองคำแตะ1,000เหรียญแล้ว ชี้นักลงทุนวิตกภาวะเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
ราคาทองคำพุ่งถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เป็นสัญญาณว่านักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับความยั่งยืนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกขณะเดียวกันหุ้นเอเชียแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี แม้ว่าจะไร้ทิศทางจากตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนหุ้นตลาดเกิดใหม่สู่ระดับที่เคยเห็นก่อนเลห์แมนล้ม

เยอรมนีเผยผลผลิตอุตสาหกรรมร่วงลง 0.9% ในเดือนก.ค. สวนทางคาดการณ์
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 42 นาทีที่แล้ว
ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีร่วงลงในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวจากภาวะถดถอยอย่างช้าๆ

กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ลดลง 0.9% จากเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบกับปีก่อน ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ลดลง 17%

การปรับตัวลดลงดังกล่าวสวนทางกับผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% และผิดความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่ประเมินว่าตัวเลขเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 1.6%

กระทรวงฯระบุว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงในเดือนก.ค.เป็นผลมาจากการผลิตสินค้าเพื่อการลงทุนที่ลดลง 3.2% และผลผลิตพลังงานที่ร่วงลง 3.9% ส่วนผลผลิตภาคการก่อสร้างก็ลดลง 2.3% ขณะที่ผลผลิตสินค้าขั้นกลางหรือสินค้ากึ่งวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 1.8% และสินค้าคงทน อาทิ เครื่องใช้ภายในบ้านเพิ่มขึ้น 1.2%
เจมส์ แอชลี นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล กล่าวว่า การฟื้นตัวยังไม่มีความแน่นอน โดยคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นยังไม่ขยายเข้าสู่ภาคการผลิตในทันที แต่ในเดือนหน้า ตัวเลขอาจดีขึ้นกว่านี้มาก

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้อย่างเหนือความคาดหมายในไตรมาสสอง โดยจีดีพีขยายตัว 0.3% ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัว อาทิ การส่งออก ยอดสั่งซื้อของโรงงาน และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ก็ส่งสัญญาณว่าการขยายตัวอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อัตราว่างงานที่ยังเพิ่มสูงขึ้นก็เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการฟื้นตัว

ประธานโตโยต้าชี้บริษัทยังเผชิญภาวะกำลังการผลิตล้นตลาด แต่ยืนยันการปิดโรงงานจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 20 นาทีที่แล้ว
อากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเผชิญภาวะกำลังการผลิตล้นตลาด พร้อมเตือนว่าอุปสงค์ยานยนต์ที่สูงขึ้นในช่วงนี้ไม่ได้สะท้อนว่าตลาดรถยนต์ฟื้นตัวขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

อย่างไรก็ดี โตโยดะกล่าวว่า การปิดโรงงานจะเป็นทางออกสุดท้าย แม้บริษัทต้องเผชิญปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่ตกต่ำสุด โดยโตโยต้าจะใช้วิธีระงับสายการผลิตเพื่อแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายดังกล่าว

"การปิดโรงงานเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ดังนั้นเราจะพิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้าย" โตโยดะกล่าวกับผู้สื่อข่าว "เรามีกำลังการผลิตค่อนข้างมาก แต่ยอดขายที่แท้จริงของเรายังห่างไกลกับระดับยอดขายที่คุ้มทุน"

ยอดขายยานยนต์ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มกลับมาดีขึ้น เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ใช้มาตรการต่างๆ อาทิ การงดเว้นภาษีและการให้เงินอุดหนุน รวมไปถึงโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ เพื่อจูงใจให้ประชาชนซื้อรถใหม่ โดยเฉพาะรถประหยัดพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ประธานโตโยต้าเตือนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดลงไปได้ว่าตลาดยานยนต์ของทั้งสองประเทศฟื้นตัวอย่างแน่นอนแล้ว

ทั้งนี้ โตโยต้าอยู่ในระหว่างดำเนินการปิดโรงงานผลิตหลักเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การก่อตั้งบริษัทที่โรงงานประกอบรถในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หลังจากที่เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ได้ถอนตัวจากโรงงานร่วมทุนดังกล่าวซึ่งได้เปิดดำเนินการมาเป็นเวลานานถึง 25 ปี สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

รัฐบาลญี่ปุ่นคงระดับการประเมินเศรษฐกิจต่อเนื่องเดือนที่ 2 รับสถานการณ์ยังลำบาก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 29 นาทีที่แล้ว
รัฐบาลญี่ปุ่นได้คงระดับการประเมินเศรษฐกิจต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากอัตราว่างงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวล แม้ว่าการลงทุนและรายได้ของภาคเอกชนจะปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งก็ตาม

รายงานเศรษฐกิจรายเดือนของสำนักงานครม.ญี่ปุ่นชี้ว่า เศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ ขณะที่สถานการณ์แวดล้อมยังคงไม่ดีนัก เช่น อัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งที่ผ่านมารายงานประเมินของรัฐบาลไม่เคยพูดถึงเรื่องอัตราว่างงานมากนัก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลได้ยกระดับการประเมินเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนก.ค. และยังชี้ว่า เศรษฐกิจได้ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาสจนถึงไตรมาส 2 เนื่องจากได้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและดีมานด์ในต่างประเทศที่ดีขึ้นจนช่วยดึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะถดถอย
แต่อัตราว่างงานเดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้น 5.7% ทำให้เกิดความกังวลว่า การบริโภคที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ยกระดับการประเมินด้านการลงทุนของเอกชน กำไร และการสร้างบ้าน โดยชี้ว่าระดับของการถดถอยในด้านดังกล่าวชะลอตัวลง ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้นอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวขึ้น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆ จากข่าวจีนออกพันธบัตรสกุลเงินหยวน
Wednesday, September 09, 2009 07:56:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกพันธบัตรสกุลเงินหยวนมูลค่าทั้งสิ้น 6 พันล้านหยวนในฮ่องกง และหลังจากที่ประชุม G20 มีมติสนับสนุนรัฐบาลทั่วโลกให้เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ และปลีกตัวออกจากการถือครองสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.09% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4490 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4334 ยูโร/ดอลลาร์ (*เหตุที่ต้องเทียบกับวันศุกร์เพราะตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ) และดิ่งลง 0.76% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.990 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.23% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0464 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0594 ฟรังค์/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.90% แตะที่ 1.6492 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6345 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 0.8620 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8553 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.50% แตะที่ 0.6957 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6921 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

โจเซฟ เทรวิซานี นักวิเคราะห์จากบริษัท FXSolutions กล่าวว่า เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายดอลลาร์ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกพันธบัตรสกุลเงินหยวนมูลค่าทั้งสิ้น 6 พันล้านหยวนในฮ่องกง วันที่ 28 ก.ย.นี้ ยิ่งทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินดอลลาร์อย่างหนัก เพราะจีนเป็นผู้ถือพันธบัตรรายใหญ่สุดของสหรัฐ แต่การที่จีนหันไปออกพันธบัตรสกุลเงินหยวน เท่ากับประกาศว่าเริ่มขาดความเชื่อถือในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้มีการใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ พร้อมเสนอให้ยกเครื่องระบบการเงินโลกที่ไร้การครอบงำจากสหรัฐ

มิทัล โกเตชา หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราจากธนาคารคาลิยงในฮ่องกงกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของจีนมีนัยสำคัญต่อตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลกและสะท้อนให้เห็นว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกลดบทบาทในฐานะสกุลเงินหลักของระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8 จุด สู่ระดับ 18 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันธนาคารกลางออสเตเรลียให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมให้สูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. และวันศุกร์จะมีการเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ย. และรายงานตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์--

Comments