News Update : 15/09/2009


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: แรงซื้อหุ้นสาธารณูปโภค หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 21.39 จุด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 23 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการเงิน นอกจากนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 21.39 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 9,626.80 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 6.61 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 1,049.34 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 10.88 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 2,091.78 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.17 พันล้านหุ้น

อดัม กอลด์ นักวิเคราะห์จาก Direxion Funds กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการเงิน โดยเฉพาะหุ้นเออีเอส คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของสหรัฐ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บริษัทสาธารณูปโภคแห่งหนึ่งของจีนให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการเออีเอส

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศจีน โดยภายใต้กลไกยุติข้อพิพาทของ WTO นั้น ทั้งสองประเทศจะมีเวลา 60 วันในการพยายามแก้ไขข้อโต้แย้งดังกล่าวผ่านทางการประชุมปรึกษาหารือ และถ้าหากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ จีนก็จะสามารถเดินหน้าขอให้คณะลูกขุนของ WTO ดำเนินการไต่สวนและตัดสินชี้ขาดในคดีนี้ได้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามาตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าพิเศษในอัตรา 35 % สำหรับยางรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเบาของจีนเป็นเวลา 1 ปี เพิ่มเติมจากภาษีนำเข้าปรกติในอัตรา 4 % โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 ก.ย.

ทั้งนี้ หุ้นเออีเอส ปิดบวก 4.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดบวก 2.9%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค., เฟดสาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนก.ย. และ ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย.

วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ส่วน วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ย.

จีนยื่นคำร้องต่อ WTO อย่างเป็นทางการกรณีสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากจีน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 11 นาทีที่แล้ว
รัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศจีน โดยภายใต้กลไกยุติข้อพิพาทของ WTO นั้น ทั้งสองประเทศจะมีเวลา 60 วันในการพยายามแก้ไขข้อโต้แย้งดังกล่าวผ่านทางการประชุมปรึกษาหารือ และถ้าหากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ จีนก็จะสามารถเดินหน้าขอให้คณะลูกขุนของ WTO ดำเนินการไต่สวนและตัดสินชี้ขาดในคดีนี้ได้

"จีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการเพื่อขอจัดการประชุมปรึกษาหารือกับสหรัฐอเมริกาภายใต้กลไกยุติข้อพิพาทของ WTO จากกรณีที่สหรัฐใช้มาตรการคุ้มครองพิเศษกับยางรถยนต์ของจีน" แถลงการณ์ของรัฐบาลจีนระบุ "จีนเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวของสหรัฐซึ่งขัดต่อกฎของ WTO เป็นวิธีปฏิบัติที่ผิดและส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูการค้า"

"การยื่นคำร้องขอจัดประชุมเพื่อปรึกษาหารือกับสหรัฐนั้น จีนได้ยึดตามหลักปฏิบัติพื้นฐานของสมาชิก WTO ภายใต้กลไกการระงับข้อพิพาทและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมจากจีนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง"
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า จีนหวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจการตัดสินใจของจีนที่ต้องการต่อสู้กับลัทธิกีดกันทางการค้า เพื่อที่จะเป็นการปกป้องระบบการค้าตามกฎของ WTO

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้อนุมัติให้เก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเบาทุกประเภทจากจีน

"ท่านประธานาธิบดีตัดสินใจแก้ไขอุปสรรคที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยางรถยนต์สหรัฐ โดยอ้างอิงจากหลักฐานข้อเท็จจริงและตัวบทกฎหมาย" โรเบิร์ท กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในแถลงการณ์

ก่อนหน้านี้ทางสหภาพแรงงานเหล็กกล้าของสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนงานของบริษัทผลิตยางรถยนต์ในสหรัฐ ได้ยื่นคำร้องเพื่อให้จำกัดปริมาณการนำเข้ายางรถยนต์จากจีน ซึ่งทางคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ (ITC) ก็เห็นชอบและแนะนำให้รัฐบาลโอบามาเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากจีนที่ 55% ซึ่งจะลดลงเหลือ 45% ในปีที่ 2 และเหลือ 35% ในปีที่ 3 ก่อนที่จะมีการยกเลิกการเก็บภาษี

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วโอบามาได้ตัดสินใจเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากจีนในอัตรา 35% ในปีแรก ก่อนที่จะลดลงเหลือ 30% ในปีที่ 2 และเหลือ 25% ในปีที่ 3

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: แรงขายทำกำไร ถ่วงน้ำมันดิบปิดลบ 43 เซนต์
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 57 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐอาจลดปริมาณการผลิตเพื่อไม่ให้สต็อกน้ำมันอยู่ในระดับสูงจนเกินไป นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 43 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 68.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 68.02-69.51 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.14 เซนต์ หรือ 0.66% แตะที่ 1.7422 ดอลลาร์แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.65 เซนต์ ปิดที่ 1.7433 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 25 เซนต์ ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.66-68 ดอลลาร์

จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากมีการคาดการณ์ว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐอาจลดปริมาณการผลิตเพื่อไม่ให้สต็อกน้ำมันอยู่ในระดับสูงจนเกินไป

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากบริษัทซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลอดน้ำมัน NYMEX ตัดสินใจออกกฏควบคุมเพดานการถือครองสถานะการลงทุนในตลาดน้ำมันอย่างเข้มงวด

นักลงทุนติดตามดูข่าวที่ว่าบริษัท เปโตรบาส ของบราซิล ระบุว่าปริมาณน้ำมันสำรองที่สามารถผลิตได้ของเปโตรบาสจะอยู่ที่ 3.0-3.5 หมื่นล้านบาร์เรลภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากการค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่นอกชายฝั่งบราซิล

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เชฟรอนและบริษัทพันธมิตรได้อนุมัติให้มีการดำเนินโครงการก๊าซกอร์กอนที่ออสเตรเลียแล้ว นับเป็นการปูทางสู่การจำหน่ายก๊าซที่คาดว่าจะทำรายได้ 3 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 2.58 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในจีน อินเดีย และญี่ปุ่นในช่วง 20 ปีแรก โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ต้นทุนประมาณ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในการดำเนินการขั้นตอนแรก ซึ่งจะมีการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีในทันทีที่เกาะแบร์โรว์ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ดอลล์ฟื้น ถ่วงทองคำปิดลบ $5.30
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 39 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำสามารถปิดเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,001.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 994.40-1,010.80 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.6230 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 7.70 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.2 เซนต์ ปิดที่ 2.8045 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,319.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 295.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์

มิเกล เปเรซ นักวิเคราะห์จากบริษัท Heraeus Precious Metals Management กล่าวว่า สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศจีน

ข้อพิพาทการค้าจีน-สหรัฐฉุดหุ้นตก กลัวกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 23 นาทีที่แล้ว
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ โดยมีความวิตกว่า การพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกในขณะที่มันกำลังฟื้นตัวกลับมา ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ฟื้นเทียบเยน หลังกรณีพิพาทจีน-สหรัฐหนุนนลท.ถือดอลล์เลี่ยงความเสี่ยง
Tuesday, September 15, 2009 07:47:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐและจีนกำลังมีกรณีพิพาททางการค้า อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรหลังจากสหภาพยุโรประบุว่า ภาวะถดถอยในเขตยูโรโซนจะสิ้นสุดลงในไตรมาสที่ 3 ปีนี้

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.940 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 90.690 เยน/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.35% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4618 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4567 ยูโร/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0341 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0378 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.57% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6566 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6661 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.27% แตะที่ 0.8611 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8634 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.99% แตะที่ 0.7000 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7070 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักวิเคราะห์จาก UniCredit กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้สหรัฐอย่างรุนแรง กรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากจีน โดยล่าสุดรัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และประณามสหรัฐอย่างรุนแรงว่า มาตรการดังกล่าวไม่เพียงแต่ละเมิดกฎของ WTO แต่สวนทางกับคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลสหรัฐให้ไว้ในการประชุมสุดยอดด้านการเงินของกลุ่ม G20 พร้อมกับประณาณว่าเป็นการกีดกันทางการค้าและอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ส่วนค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมาธิการสหภายุโรประบุว่า เศรษบกิจในเขตยูโรโซนและอียูขยายตัวขึ้น 0.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนจะสิ้นสุดลงในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศ หรือ ยูโรโซน ร่วงลง 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. 2551 การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนลดลง 15.9%
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 7.38 จุดตามดาวโจนส์
Tuesday, September 15, 2009 08:05:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นบีเออี ซิสเต็มส์, หุ้นแมนกรุ๊ป และหุ้นยูนิลิเวอร์ ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 7.38 จุด แตะที่ 5,018.85 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,953.71-5,020.86 จุด

ฟิลิป ยิลเล็ตต์ นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า แม้ตลาดปิดบวก แต่ภาวะการซื้อขายยังคงซบเซาเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศจี นและประณามสหรัฐอย่างรุนแรงว่า มาตรการดังกล่าวไม่เพียงแต่ละเมิดกฎของ WTO แต่สวนทางกับคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลสหรัฐให้ไว้ในการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20

หุ้นบีเออี ซิสเต็ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่สุดของยุโรป ปิดบวก 0.2% ซึ่งการปิดบวกของหุ้นดังกล่าวมีส่วนพยุงดัชนี FTSE 100 ปิดบวก ขณะที่หุ้นค็อบแฮม ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ของโลก ปิดบวก 2.1%

หุ้นแมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่สุดของอังกฤษ ปิดบวก 1.6% ขณะที่หุ้นยูนิลิเวอร์ ผู้ผลิตสินค้าคอนซูเมอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ปิดบวก 1.5%

อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของราคาโลหะและพลังงาน ได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานดิ่งลง โดยหุ้นคาซัคมิสปิดลบ 3.1% หุ้นเวแดนต้า รีซอสเซส ปิดลบ 1.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดลบ 1% หุ้นเครน เอนเนอร์จี ปิดลบ 2.9% และหุ้นบีจี ปิดลบ 2.3%
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิบวก 75 จุดเช้านี้ หลังเยนอ่อนหนุนนักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มส่งออก
Tuesday, September 15, 2009 08:43:40
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก หลังจากสกุลเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 75.09 จุด หรือ 0.74% แตะที่ระดับ 10,277.15 จุด

โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการเงิน โดยเฉพาะหุ้นเออีเอส คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของสหรัฐ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บริษัทสาธารณูปโภคแห่งหนึ่งของจีนให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการเออีเอส

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นที่พึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออก รวมถึงหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มยาง หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 91 เยน/ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์--

Comments