News Update : 17/09/2009


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 108.30 จุด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 28 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นว่าภาวะถดถอยรุนแรงทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 108.30 จุด หรือ 1.12% แตะที่ 9,791.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 16.13 จุด หรือ 1.53% แตะที่ 1,068.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 30.51 จุด หรือ 1.45% แตะที่ 2,133.15 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.58 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.76 พันล้านหุ้น

คริสเตียน เบนดิ๊กเซน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Bay Crest Partners LLC ในนิวยอร์ก กล่าวกับเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก โดยหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (ไอบีเอ็ม) ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด หลังจากเฟดเปิดเผยว่า อัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค.

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.88 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยลดลงจาก 1.045 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.หลัง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในขณะนี้ และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 จะสิ้นสุดลง

การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สอดคล้องกับบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐที่กล่าวแสดงความเชื่อมั่นเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีแห่งการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เขายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าตัวเลขจ้างงานได้ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดแล้วและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น และยืนยันว่ารัฐบาลจะยังไม่ยุติการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ หุ้นจีอีทะยานขึ้น 6.3% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดพ่ง 2.5% และหุ้นไอบีเอ็มปิดบวก 2.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ย. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดพุ่ง $13.90 หลังนักลงทุนแห่ซื้อทองเพื่อเลี่ยงเงินเฟ้อ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 46 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อหลัก ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับเงินเฟ้อ

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,020.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 13.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,023.30-1,007.90 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 17.43 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 43.00 เซนต์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,350.10 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 29.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 300.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.25 ดอลลาร์

มิเกล เปเรซ แซนเทลลา นักวิเคราะห์ด้านโลหะมีค่าจากบริษัท Heraeus Precious Metals Management กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ทั่วไปพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้น 0.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้

"การประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความมั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงจะสิ้นสุดลง ประกับกับข้อมูลภาคการผลิตและตัวเลข CPI ที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ เพราะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วเกินคาดจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาด้วย" แซนเทลลากล่าว

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 15 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด รวมถึงอัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งทำให้นักลงทุนเลือกที่จะเทขายดอลลาร์และหันเข้าซื้อสกุลเงินอื่นๆที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.46% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4727 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4659 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.820 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.030 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังร่วงลง 0.69% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0306 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0378 ฟรังค์/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.04% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6496 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6490 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.32% แตะที่ 0.8744 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8630 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ทะยานขึ้น 1.36% แตะที่ 0.7141 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7045 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

โรเบอร์โต มิอาลิช นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจาก UniCredit Markets & Investment Banking ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี กล่าวว่า "สกุลเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น จึงทำให้สกุลเงินดอลลาร์มีน่าสนใจน้อยลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนแห่ซื้อเงินดอลลาร์ตุนเอาไว้เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังอ่อนแอ"

สหรัฐระบุว่าอัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค.

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.หลัง

หลักฐานเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเด่นชัดขึ้นเมื่อเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐแสดงความเชื่อมั่นว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 จะสิ้นสุดลง และบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า เขายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐและยืนยันว่ารัฐบาลจะยังไม่ยุติการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานว่า อัตราว่างงานในประเทศเพิ่มขึ้นแตะ 7.9% หรือ 2.47 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี เนื่องจากมีจำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้นอีก 210,000 รายในระหว่างเดือนพ.ค. - ก.ค. โดยอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.6% ในเดือนมี.ค.-พ.ค.

สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรแสตท) เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ ในยูโรโซน หรือ กลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ ร่วงลง 0.2% ในเดือนส.ค. โดยสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $1.58 หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงเกินคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 6 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่ร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นกำลังหนุนดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ อีกทั้งมีปฏิกริยาในด้านบวกหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงของสหรัฐจะสิ้นสุดลง

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.23% ปิดที่ 72.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 70.14-72.56 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.57 เซนต์ ปิดที่ 1.8258 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 5.91 เซนต์ ปิดที่ 1.8483 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 71.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 69.01-71.72 ดอลลาร์

คาร์ล ลาร์รี่ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Oil Outlooks & Opinions LLC ในเมืองฮุสตัน กล่าวว่า "สต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาดของสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หลังจากที่ประหยัดและอดออมในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรง ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานพุ่งขึ้นด้วย"

กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ก.ย.ร่วงลง 4.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 332.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 167.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล แตะระดับ 207.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 600,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.3% เหลือเพียง 86.9%

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กขานรับรายงานของเฟดที่ระบุว่า อัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค.

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.หลัง

นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากเบอร์นันเก้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในขณะนี้ และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 จะสิ้นสุดลง

บาร์เคลย์ฟันกำไร 8,200 ล้าน จากการซื้อธุรกิจโบรกเลห์แมนฯ
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 1 ชั่วโมง 14 นาทีที่แล้ว
บาร์เคลย์ แคปิตอล ได้กำไรอย่างไม่คาดฝันถึง 8,200 ล้านดอลลาร์จากสินทรัพย์ที่บริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจ

โบรกเกอร์ในสหรัฐของเลห์แมน บราเธอร์เมื่อหนึ่งปีก่อน

ในเอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายของรัฐบาลกลางสหรัฐในแมนฮัตตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อ้างว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงการขายสินทรัพย์ในระหว่างที่มีคำสั่งขายจนถึงช่วงที่ข้อตกลงเสร็จสิ้นลง ซึ่งส่งผลให้บาร์เคลย์ได้ครอบครองสินทรัพยที่เลห์แมนตั้งใจที่จะไม่นำออกขาย


หุ้นเอเชียแตะระดับสูงสุดสำหรับปีนี้ ทองคำพุ่งสูงสุดในรอบ 18 เดือน
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 1 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว
หุ้นเอเชียพุ่งสู่ระดับสูงสุดสำหรับปีนี้หลังจากข่าวเศรษฐกิจสหรัฐน่ายินดี ขณะเดียวกันโภคภัณฑ์หลายตัวได้ประโยชน์จากกระแสมุมมองในด้านบวก ทองคำพุ่งเหนือ 1,016ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดในรอบ 18 เดือน นักวิเคราะห์คาด ทองคำอาจสูงกว่า 1,110 ดอลลาร์ในปีหน้า


บัฟเฟตต์ชี้สหรัฐดีขึ้น แต่ยังไม่เริ่มหลุดพ้น จากภาวะถดถอย
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 1 ชั่วโมง 16 นาทีที่แล้ว
บัฟเฟตต์ชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เริ่มหลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดนับแต่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ แต่"ความน่ากลัว"ที่ตามมากับการเกือบล่มสลายของระบบการเงินเมื่อปีที่แล้วหมดไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ารัฐบาลเข้าแทรกแซง

สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วร่วงเกินคาด 4.7 ล้านบาร์เรล
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 27 นาทีที่แล้ว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ก.ย.ร่วงลง 4.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 332.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 167.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล แตะระดับ 207.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 600,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.3% เหลือเพียง 86.9%

บลูมเบิร์กรายงานว่า สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปีพ.ศ. 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ หนุนฟุตซี่ปิดพุ่ง 82 จุด
Thursday, September 17, 2009 08:02:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์และกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะทะยานขึ้น นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ยังได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัท ทุลโลว์ ออยล์ ประกาศพบแหล่งสำรองน้ำมันแห่งใหม่

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 82.00 จุด หรือ 1.63% แตะที่ 5,124.13 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,042.13-5,131.26 จุด

นิค เซิร์ฟ นักวิเคราะห์จาก City Index ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงหุ้นบริษัทพลังงาน ทะยานขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และหลังจากแอลเอสเอ รีเสิร์ช ระบุว่าดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ในจีนกำลังกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง โดยราคาทองแดงและถ่านหินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว

แอนดรูว์ ดริสโคล หัวหน้าฝ่ายวิจัยทรัพยากรของซีแอลเอสเอในเซี่ยงไฮ้ กล่าว "สินค้าโภคภัณฑ์ที่จะมีราคาดีดตัวขึ้นมากที่สุดคือสินค้าที่มีจำนวนจำกัด โดยในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ทองแดงจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่น่าลงทุนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์ของทางการจีน รวมถึงการปล่อยสินเชื่อมูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี ที่ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบเกือบ 80 ปี"

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 3.4% หุ้นคาซัคมิสซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของคาซัคสถาน ปิดพุ่ง 3.3% และหุ้นริโอทินโต ปิดบวก 2.9%

หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดพุ่ง 9.2% หลังจากบริษัทสำรวจพบแหล่งสำรองน้ำมันแห่งใหม่ที่บริเวณนอกชายฝั่งเซียราลีโอน
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส หนุนนิกเกอิพุ่ง 114.25 จุดเช้านี้
Thursday, September 17, 2009 08:26:37
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวทะยานขึ้นในช่วงเช้านี้ ขานรับการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีท่าทีระมัดระวังและจับตาดูนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ภายใต้การการนำของนายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้น หรือ 1.11% แตะที่ระดับ 10,385.02 จุด

โบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าอัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค.

นักลงทุนจับตานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่น หลังจากฮิโรชิสะ ฟูจิอิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นคนใหม่ประกาศว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในระยะนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงเป็นปกติ
--อินโฟเควสท์--

สหรัฐเผยอัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.พุ่งเกินคาด 0.8%
Thursday, September 17, 2009 08:33:25
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า อัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค.

โยเซฟ ลาวอร์ญ่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดอยช์แบงค์ กล่าวกับเอพีว่า "ภาคการผลิตที่ฟื้นตัวขึ้นเร็วเกินคาดในสหรัฐเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า การคาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน รวมถึงนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เฟดที่ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุดลงนั้น มีเค้าลางว่าจะเป็นความจริง ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลในหลายประเทศ"

รายงานระบุว่า อัตราการผลิตในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนส.ค.เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายรถยนต์เก่าแลกรถยนต์คันใหม่ของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
--อินโฟเควสท์--

ญี่ปุ่นเผยความเชื่อมั่นกลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่พุ่งขึ้นใน Q3/52 หลังรบ.ใช้แผนฟื้นศก.
Thursday, September 17, 2009 08:53:16
ผลสำรวจความคิดเห็นของบริษัทผู้ผลิตขนาดใหญ่ซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนราว 1 พันล้านเยนหรือมากกว่า พุ่งขึ้นสู่ระดับ 15.5 จุดในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่ดัชนีชี้วัดดีมานด์ในภาคบริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2

โนริอากิ มัตสึอูกะ นักวิเคราะห์จากบริษัท Daiwa Asset Management ในกรุงโตเกียวกล่าวว่า "ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 25 ล้านล้านเยน (2.75 แสนล้านดอลลาร์) ของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายขงอภาคครัวเรือนและช่วยหนุนดีมานด์ในต่างประเทศ เราคาดว่าภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงสดใสเนื่องจากรัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป รวมถึงการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดในการประชุมวันนี้"

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจญี่ปุ่นประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 89.6 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ 88.6 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 89 จุด ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว

ริชาร์ด เจอร์ราม หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แมคควอรี กล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เพราะได้รับแรงหนุนจากการที่ประเทศทั่วโลกใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าทั้งสิ้น 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้อุตสาหกรรมส่งออกและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนก.ค. เนื่องจากโรงงานภายในประเทศยังคงเพิ่มสินค้าในสต็อกเพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น
--อินโฟเควสท์--

Comments