News Update : 02/10/2009


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 203 จุดหลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจย่ำแย่
Friday, October 02, 2009 06:28:00
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่ร่วงลงเกินคาด และตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงจะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 203.00 จุด หรือ 2.09% แตะที่ 9,509.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 27.23 จุด หรือ 2.58% แตะที่ 1,029.85 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 64.94 จุด หรือ 3.06% แตะที่ 2,057.48 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.60 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.69 พันล้านหุ้น

ดาเรลล์ คราสนอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Bel Air Investment Advisors ในเมืองชิคาโก กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกแรงขายกระหน่ำอย่างหนักเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากไอเอ็มเอฟคาดว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เริ่มจะให้ผลลดลง จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า

โดยไอเอ็มเอฟระบุในรายงานประจำครึ่งปีว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.5% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัว 2.7% ในปีนี้ เทียบกับเมื่อเดือนก.ค.ที่คาดว่าจะเศรษฐกิจสหรัฐปีหน้าจะขยายตัวเพียง 0.8%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซามากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่าดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นแตะ 551,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 ราย

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาดังกล่าวบดบังรายงานที่สดใสของสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ที่ระบุว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 6.4%

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 5% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลง 4.8% และหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง 8.3% ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ปิดลบ 4.2% หลังจากมีรายงานว่า นายเคน ลูว์อิส ซีอีโอแบงก์ ออฟ อเมริกา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐสอบสวนกรณีที่แบงก์ ออฟ อเมริกาเข้าซื้อกิจการเมอร์ริล ลินช์
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก 21 เซนต์ ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
Friday, October 02, 2009 06:58:00
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ และนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 70.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 70.83-70.30 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 69.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

มิเชล ลินช์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Strategic Energy & Economic Research ในรัฐเมสซาชูเซทส์ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนส.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ย.ร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 211.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.

ส่วนอีกปัจจัยที่สกัดแรงบวกในตลาดน้ำมันนิวยอร์กคือรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระบุว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เริ่มจะให้ผลลดลง จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์

ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ ผู้ผลิต และบริษัทน้ำมันที่จัดทำโดยบลูมเบิร์กระบุว่า ผลผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปคในเดือนก.ย.โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28.395 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลง 50,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค. โดยประเทศอิรัก ซาอุดิอาระเบีย และแองโกลา เป็นประเทศที่ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมากที่สุด

ผลสำรวจระบุว่า ผลผลิตน้ำมันในอิรักลดลง 40,000 บาร์เรลมาอยู่ที่ 2.35 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงหนักสุดในกลุ่มประเทศโอเปค ส่วนซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโอเปคมีกำลังการผลิตน้ำมัน 8.015 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคูเวตมีกำลังการผลิตที่ 2.185 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนกาตาร์ผลิตน้ำมันได้ 720,000 บาร์เรลต่อวัน

ขณะเดียวกัน ไนจีเรีย เวเนซูเอล่า มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุด 25,000 บาร์เรลในเดือนที่ผ่านมาแตะระดับ 1.805 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 2.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ตามด้วยอิหร่านที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรลต่อวันแตะที่ 3.78 ล้านบาร์เรล และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 2.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ดอลล์แข็ง ฉุดทองคำปิดลบ $8.60
Friday, October 02, 2009 07:17:00
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นการร่วงลงวันแรกในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาโลหะมีค่า รวมถึงทองคำและโลหะเงิน

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,000.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.60 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 998.80-1,011.10 ดอลลาร์ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.440 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 21.80 เซนต์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,289.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง13.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 292.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.25 ดอลลาร์

เลียวนาร์ด แคปแลน นักวิเคราะห์จากบริษัท Prospector Asset Management ในรัฐอิลลินอยส์ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นจะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีหน้า

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,095.33 ตัน ณ วันที่ 30 ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.22 ตัน
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร หลังประธานอีซีบีหนุนดอลล์แข็งค่า
Friday, October 02, 2009 07:45:00
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อทียบกับสกุลเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่าค่าเงินยูโรที่เคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในยุโรป

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.67% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4537 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4635 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5950 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6004 ปอนด์/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังพุ่งขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0407 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0358 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.07% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.690 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.750 เยน/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.61% แตะที่ 0.8692 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8834 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.24% แตะที่ 0.7142 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7232 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ริชาร์ด แฟรงโควิช นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจาก Westpac Banking Corp ในนิวยอร์กกล่าวว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานอีซีบีกล่าวสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐว่า ความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่าค่าเงินยูโรที่เคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในยุโรป ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินยูโรอย่างหนัก

นอกจากนี้ นายทริเชต์กล่าวว่ากลุ่มประเทศยุโรป 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโร หรือ ยูโรโซน ควรยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเริ่มจ่ายหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นมากภายในปี 2554 เป็นอย่างช้าที่สุด โดยระบุว่าการถอดถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นต่อการฟื้นตัว และต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้ภาคธุรกิจและประชาชนว่ารัฐบาลจะไม่สร้างหนี้เพิ่ม

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสว่า เขามั่นใจว่าดอลลาร์ยังอยู่ในสถานะที่ปลอดความเสี่ยงและยังคงเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก

การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้มีขึ้นหลังจากคณะทำงานของบารัค โอบามามองว่าสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินที่สำคัญในระบบทุนสำรองของโลก และสหรัฐจะทำทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อให้ดอลลาร์ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินโลก

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เริ่มจะให้ผลลดลง จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีหน้า
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกศก.สหรัฐ ฉุดฟุตซี่ปิดร่วง 86.09 จุด
Friday, October 02, 2009 08:00:00
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนักเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ

บลูมเบิร์กรางานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 86.09 จุด แตะที่ 5,047.81 จุด หลังจากเคลื่อน ตัวในช่วง 5,043.98-5,164.37 จุด

โจนาธาน แพลนท์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Liberum Capital Ltd กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงหลังจากไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นจะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นแตะ 551,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 ราย

หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ดิ่งลง 4.4 % หลังจากมีรายงานว่าทางการอังกฤษเตรียมดำเนินคดีกับบีเออี ซิสเต็มส์ ในกรณีที่บริษัทติดสินบนและคอร์รัปชั่นในการทำข้อตกลงด้านอาวุธในแอฟริกาใต้ แทนซาเนีย โรมาเนีย และสาธารณรัฐเชค

ส่วนห้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงหลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงค์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเหมือง โดยหุ้นลอนมินปิดร่วง 8% หุ้นอันโตฟากัสตาปิดลบ 3% หุ้นแองโกล อเมริกันปิดร่วง 3.2% หุ้นเฟรสนิลโล ปิดลบ 4.2% และหุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ปิดร่วง 5.4%
--อินโฟเควสท์--

ญี่ปุ่นเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค.ลดลงแตะ 5.5%
Friday, October 02, 2009 08:15:01

กระทรวงฝ่ายกิจการภายในของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนส.ค.ของญี่ปุ่นปรับตัวลงสู่ระดับ 5.5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.7% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้น

รายงานระบุว่า จำนวนคนว่างงานในญี่ปุ่นจนถึงขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 1.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 610,000 จากปีที่แล้ว โดยสัดส่วนตำแหน่งงานที่ว่างอยู่สำหรับผู้ที่มองหางาน 100 คนนั้น มีอยู่เพียง 42 ตำแหน่ง ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้านี้

ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือนส.ค.หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นแตะระดับ -33 จุด จากไตรมาส 2 ที่ระดับ -48 จุด
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิร่วง 216.29 จุด หลังดาวโจนส์ดิ่งหนัก
Friday, October 02, 2009 08:38:28
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงกว่า 200 จุดในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์และข้อมูลด้านการผลิต ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นโตเกียวยังได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อทียบกับสกุลเงินดอลลาร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 216.29 จุด หรือ 2.17% แตะที่ 9,762.35 จุด

โบรกเกอร์กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นป้จจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นโตเกียวดิ่งลงในช่วงเช้านี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นแตะ 551,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 ราย

นอกจากนี้ การที่เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับ 89 เยน/ดอลลาร์ที่ตลาดโตเกียวเช้านี้ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง รวมถึงหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเงินเยนที่แข็งขึ้นทำให้กำไรของบริษัทส่งออกหดตัวลงในตลาดต่างประเทศ
--อินโฟเควสท์--

เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.53/55 ปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวานนี้
Friday, October 02, 2009 08:41:23
นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.53/55 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.47/49 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวอ่อนค่าตามสกุลเงินหลักต่างประเทศและค่าเงินในภูมิภาค อาจเป็นช่วงของการปรับฐานก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าได้อีกในสัปดาห์หน้า

"เงินบาทน่าจะอ่อนค่าอีกเพราะมีแรงส่งเข้ามามากขนาดนี้" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ เงินเยนอยู่ที่ 89.50/53 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 90.00 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.4522/4527 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากวานนี้ที่ระดับ 1.4573 ดอลลาร์/ยูโร

แนวโน้มเงินบาทวันนี้ คาดว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-33.57 บาท/ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์--

โกลด์แมน แซคส์ คาดตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.สหรัฐร่วงเกินคาด 250,000 ตำแหน่ง
Friday, October 02, 2009 08:49:22
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐจะร่วงลง 250,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 200,000 ตำแหน่ง หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ร่วงลงเกินคาด

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นแตะ 551,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 ราย โดยแจน เฮเตียส หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐออกมาน่าผิดหวังมาก จึงทำให้เชื่อว่าตัวเลขว่างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะร่วงลงอีก

ADP Employer Services ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านแรงงานภาคเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนทั่วสหรัฐลดลง 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะลดลงเพียง 210,000 ตำแหน่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้

ข้อมูลภาคเอกชนที่ลดการจ้างงานในเดือนก.ย.ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์จับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ซ่า ตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์--

ญี่ปุ่นเผยยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.6%
Friday, October 02, 2009 08:50:13
กระทรวงกิจการภายในและสื่อสารญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.6% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 290,972 เยน โดยรายได้โดยเฉลี่ยรายเดือนของครัวเรือนที่มีเงินเดือนอยู่ที่ 466,393 เยน นับเป็นตัวเลขที่ลดลงไป 2.0%

ยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนถือเป็นปัจจัยชี้นำหลักในเรื่องของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์--

*ตลาดหุ้นในเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกการขยายตัวของเศรษฐกิจ-ดาวโจนส์ร่วง
Friday, October 02, 2009 08:58:41
ตลาดหุ้นในเอเชียอ่อนตัวลงถ้วนหน้าเช้านี้ เหตุวิตกการขยายตัวของเศรษฐกิจ และดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่ร่วงลงเกินคาด และตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,848.07 จุด ลดลง 130.57 จุด ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,671.60 จุด ลดลง 29.50 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,415.16 ลบ 131.13 จุด ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,620.45 ลบ 36.99 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,380.23 จุด ลบ 575.02 จุด ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้และตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ (2 ต.ค.) เนื่องในวันหยุด

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index อ่อนตัว 1.7% แตะ 114.85 จุด เมื่อเวลา 10.19 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วง 2.8% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นนิสสัน มอเตอร์ ซึ่งทำยอดขายในอเมริกาเหนือได้ 36% ตกลง 4.3% ในตลาดหุ้นโตเกียว ขณะที่หุ้นพานาโซนิค บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่สุดของญี่ปุ่น ร่วง 3.6% หลังจากที่มิซูโฮ ซิเคียวริตีส์ได้ยกเลิกคำแนะนำในหุ้นดังกล่าว

จูอิชิ วาโกะ นักวิเคราะห์อาวุโสของโนมูระ โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจมากจนเกินไป ตอนนี้ เราจึงไม่มีปัจจัยใดๆที่จะมาหนุนตลาด
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งร่วง 575.02 จุดตามดาวโจนส์
Friday, October 02, 2009 09:15:27
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ร่วงลง หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เพราะสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่ร่วงลงเกินคาด และตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 575.02 จุด หรือ 2.74% แตะ 20,380.23 จุด
--อินโฟเควสท์--

ราคาทองคำแท่งวันนี้บาทละ 15,900 บาท
Friday, October 02, 2009 09:21:10
ราคาทองประจำวัน ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 15,800 ขายบาทละ 15,900 ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 15,569.32 ขายบาทละ 16,300

รายงานราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2552 ตามประกาศ ของสมาคมค้าทองคำ

ซื้อ (บาท) ขาย (บาท)
ทองคำแท่ง 15,800 15,900
ทองรูปพรรณ 15,569.32 16,300
--อินโฟเควสท์--

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบยูโรที่ตลาดโตเกียว ขณะเทรดเดอร์วิตกศก.โลกฟื้นตัวช้า
Friday, October 02, 2009 09:29:22
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลถึงภาวะซบเซาในตลาดแรงงาน ซึ่งจะฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้บั่นทอนความต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

เงินยูโรอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับเงินเยนหลังฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า สถานการณ์ในตลาดปริวรรตเงินตราจะค่อนข้างผันผวนซึ่งจะสร้างปัจจัยลบให้กับเศรษฐกิจก่อนที่กลุ่มประเทศจี7 จะเข้าร่วมประชุมที่กรุงอิสตันบูลในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2

บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09:07 น.ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.4515 ต่อยูโร จากระดับ 1.4545 ต่อยูโร ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 129.92 เยน/ยูโร จากระดับ 130.35 เยน/ยูโร ขณะที่เงินเยนเคลื่อนไหวที่ระดับ 89.51 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 89.60 ต่อดอลลาร์

ดานิก้า แฮมป์ตัน นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ นิวซีแลนด์ กล่าวว่า "เราต้องยอมรับว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคตจะค่อนข้างเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าเมื่อช่วง 5 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ความต้องการถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงก็ลดน้อยลงแต่ภาวะเช่นนี้จะทำให้เงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาแทน"
--อินโฟเควสท์--

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดภาคเช้าร่วง 245.22 จุด หลังดาวโจนส์ดิ่ง-ศก.สหรัฐอ่อนแอ
Friday, October 02, 2009 09:32:41
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าดิ่งลงกว่า 2% ในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขว่างงานและข้อมูลด้านการผลิต ขณะที่หุ้นกลุ่มส่งออกดิ่งลงอย่างหนักหลังจากสกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดภาคเช้าร่วงลง 245.22 จุด หรือ 2.46% แตะที่ 9,733.42 จุด

ฮิโรอิชิ นิชิ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์นิกโก คอร์เดียล กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นแตะ 551,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 ราย

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.

เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกดิ่งลงอย่างหนัก รวมถึงหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ ขณะที่หุ้นกลุ่มโลหะ กลุ่มเหล็กและสินแร่เหล็ก และกลุ่มประกันร่วงลงเช่นกัน
--อินโฟเควสท์--

ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐเดือนก.ย.ร่วงหนัก 22.7% หลังรบ.ยุติโครงการรถเก่าแลกรถใหม่
Friday, October 02, 2009 09:43:53
ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ประจำเดือนก.ย.ในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลสหรัฐยุติการใช้โครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ เพื่อเปลี่ยนมาสนับโครงการใช้รถยนต์ประหยัดพลังงานแทน

โดยยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐเดือนก.ย.มีอยู่ทั้งสิ้น 745,997 คัน ลดลง 22.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือ ลดลง 40.9% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. หลังจากที่ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี อันเนื่องมาจากโครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ (cash for clunkers)

โครงการดังกล่าวมีข้อกำหนดว่า รัฐบาลจะจัดหาเงินสด 3,500-4,500 ดอลลาร์ให้กับประชาชนที่นำรถยนต์คันเก่ามาแลก เพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์คันใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนผู้ผลิตให้หันมาผลิตรถยนต์พลังงานมากขึ้น แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศยุติโครงการนำรถยนต์เก่าแลกรถยนต์ใหม่เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วงลงอย่างหนัก

ออโตดาต้าระบุว่า ยอดขายรถยนต์ค่ายเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 45% และยอดขายของไครสเลอร์ ดิ่งลง 42% ซึ่งยอดขายของทั้ง 2 ค่ายทำสถิติร่วงลงหนักสุดเมื่อเทียบกับยอดขายของค่ายอื่นๆ ขณะที่ยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ ขยับลง 5.1%

ในฟากผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นนั้น โตโยต้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์โตโยต้าในสหรัฐดิ่งลง 13% ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ ลดลง 7% ยอดขายฮอนด้าดิ่งลง 20% อย่างไรก็ตาม ยอดขายของฮุนได มอเตอร์ ทะยานขึ้น 27% และยอดขายของเกีย มอเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฮุนได พุ่งขึ้น 27% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์--

ผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกงแทรกแซงตลาดป้องกันดอลล์ฮ่องกงแข็งค่า
Friday, October 02, 2009 09:52:26
นอร์แมน ชาน ซึ่งจะเริ่มทำงานในฐานะผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกงในวันนี้ เตรียมตรึงอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate) ไว้เท่าเดิม หลังจากที่ธนาคารกลางภายใต้การบริหารงานของเขาได้เข้าแทรกแซงตลาดเป็นครั้งแรกเพื่อป้องกันมิให้เงินดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่า

นายชานกล่าวว่างานแรกของเขาคือ "การรักษาเสถียรภาพของตลาดเงินผ่านการหนุนระบบอัตราแลกเปลี่ยน" โดยก่อนหน้านี้ธนาคารกลางได้อัดฉีดเม็ดเงิน 3.1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อป้องกันมิให้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่าเกินอัตราดอกเบี้ยคงที่ (fixed rate)

นอกจากนั้นนายชานยังต้องการพัฒนาสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับนานาชาติ และต้องช่วยหนุนให้เงินหยวนของจีนเป็นสกุลเงินในการซื้อขายและลงทุนในต่างประเทศ โดยในสัปดาห์นี้รัฐบาลจีนเพิ่งเริ่มขายพันธบัตรสกุลเงินหยวนในฮ่องกงเป็นครั้งแรก ส่งผลให้เงินฝากรูปแบบเงินหยวนในธนาคารต่างๆ ในฮ่องกงเพิ่มเป็น 5.67 หมื่นล้านหยวน (8.3 พันล้านดอลลาร์) โดยแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย และ เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พีแอลซี เป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่ขายพันธบัตรเงินหยวนในฮ่องกงไปแล้ว

"นายชานต้องทำให้ธนาคารในฮ่องกงพร้อมรับมือกับเงินหยวนที่จะมีใช้มากขึ้นในฮ่องกง" ทิม คอนดอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียจากไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็นวี ในสิงคโปร์ กล่าว พร้อมกันนั้นยังคาดการณ์ว่าจะค่อยๆมีการใช้เงินหยวนในฮ่องกงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์--

Comments