ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์อ่อนตัว 21.61 จุด หลังอัตราว่างงานพุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 07:04:55 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตั้งแต่อัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่พุ่งสูงขึ้น 9.8% ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย.ตกลง 263,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนส.ค.ยังร่วงลง 0.8% สวนทางกับการคาดการณ์หลายสำนักที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 07:04:55 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตั้งแต่อัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่พุ่งสูงขึ้น 9.8% ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย.ตกลง 263,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนส.ค.ยังร่วงลง 0.8% สวนทางกับการคาดการณ์หลายสำนักที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดอ่อนตัวลง 21.61 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 9,487.67 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 4.64 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 1,025.21 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดอ่อนตัวลง 9.37 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 2,048.11 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกย.ตกลงไปถึง 263,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่สูงกว่ายอดเดือนส.ค.ที่ 201,000 ตำแหน่ง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนส.ค.ร่วง 0.8% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานจะเพิ่มขึ้น 0.7%
บรูซ บิทเทิลส์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโรเบิร์ต ดับบลิว แบร์ด แอนด์ โค กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยออกมาเหล่านี้ล้วนตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐคงจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานยังไม่คลี่คลายลง ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
แดน คุค นักวิเคราะห์อาวุโสของไอจีมาร์เก็ตส์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาว่าเราจะได้เห็นตัวเลขว่างงานที่ดีขึ้น แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ทางด้านคริส โลว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า เมื่อตัวเลขทางเศรษฐกิจทั้งหลายออกมาเป็นเช่นนี้ รัฐบาลหรือธนาคารกลางสหรัฐคงจะไม่สามารถยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะหากไม่มีการนำมาตรการเหล่านี้มาใช้ก่อนหน้านี้ ข้อมลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยกันออกมาคงจะย่ำแย่และน่าเกลียดกว่านี้ก็เป็นได้
หุ้นโบอิ้งร่วง 1.4% ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริกร่วง 3.8% ส่วนหุ้นแอปเปิลพุ่ง 2.2% หลังจากที่ยูบีเอสได้ออกมาแนะนำให้ซื้อ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 59.11 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 09:39:53 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานอัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่สูงขึ้น 9.8% ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สร้างความผิดหวังหลายรายการ อาทิ ข้อมูลการผลิตของอังกฤษที่ต่ำกว่าคาดการณ์
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 59.11 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 09:39:53 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานอัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่สูงขึ้น 9.8% ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สร้างความผิดหวังหลายรายการ อาทิ ข้อมูลการผลิตของอังกฤษที่ต่ำกว่าคาดการณ์
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 59.11 จุด หรือ 1.2% แตะที่ 4,988.7 จุด
จูสท์ แวน ลีนเดอร์ส นักวิเคราะห์ของฟอร์ทิส อินเวสเมนท์ กล่าวว่า เราได้รับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นลบ ดังนั้น ตลาดจึงมีความวิตกกังวล และหากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่สร้างความผิดหวังออกมามากกว่านี้ คาดว่านักลงทุนคงจะยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มเหมืองและแบงค์อ่อนตัวลง โดยหุ้นโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 4% ยขณะที่หุ้นยูเรเซียน แนเชอรัล รีซอร์สเซส ตกลง 3.2% ขณะที่หุ้นคาซัคมิสก็ร่วงลง 4.9% หลังจากราคาโลหะอ่อนตัวลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกย.ตกลงไปถึง 263,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่สูงกว่ายอดเดือนส.ค.ที่ 201,000 ตำแหน่ง
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง 87 เซนต์หลังตัวเลขว่างงานพุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 07:32:42 น.
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากอัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 26 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรก็ตกลง 263,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมันดิบ
ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง 87 เซนต์หลังตัวเลขว่างงานพุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 07:32:42 น.
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากอัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 26 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรก็ตกลง 263,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมันดิบ
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 87 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 69.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.อ่อนตัวลง 1.7 เซนต์ ปิดที่ 1.7409 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ตกลงไปถึง 263,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่สูงกว่ายอดเดือนส.ค.ที่ 201,000 ตำแหน่ง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนส.ค.ร่วง 0.8% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานจะเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากที่ยอดคำสั่งให้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
จอห์น คิลดัฟฟ์ รองประธานฝ่ายพลังงานของเอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวว่า อัตราว่างงานถือเป็นตัวเลขที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนถึงดีมานด์ที่แท้จริง และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันดิบต่อไปอีก
ทางด้านทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของซิติ ฟิวเจอร์ส เพอร์สเปคทีฟ กล่าวว่า คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ผู้บริโภคจะกลับมาใช้จ่ายกันอย่างเต็มที่ ทั้งที่ปัจจัยนี้จะช่วยหนุนการฟื้นตัวด้านดีมานด์ปิโตรเลียม
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์ร่วง หลังตัวเลขว่างงานเดือนก.ย.พุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 08:22:51 น.
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์ร่วง หลังตัวเลขว่างงานเดือนก.ย.พุ่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 08:22:51 น.
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.31% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4530 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4575 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ 89.540 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.740 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.58% แตะที่ 1.0406 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0346 ฟรังค์/ดอลลาร์ และทรงตัว เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5943 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.63% แตะที่ 0.8706 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.8ถดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.29% แตะระดับ 0.7153 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7174 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ตกลงไปถึง 263,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่สูงกว่ายอดเดือนส.ค.ที่ 201,000 ตำแหน่ง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนส.ค.ร่วง 0.8% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานจะเพิ่มขึ้น 0.7%
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 3.60 ดอลล์ หลังดอลล์อ่อนค่า
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 09:15:41 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ภายหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานอัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้นถึง 9.8% สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ยังซบเซา ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐและรัฐบาลจะยังคงต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 3.60 ดอลล์ หลังดอลล์อ่อนค่า
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2009 09:15:41 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ภายหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานอัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้นถึง 9.8% สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ยังซบเซา ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐและรัฐบาลจะยังคงต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,004.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หลังจากอ่อนตัวลงแตะระดับ 987 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.23 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 21 เซนต์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.23 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 21 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,283.40 ดอลลาร์/ออนซ์ อ่อนตัวลง 5.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 298.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 5.25 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกย.ตกลงไปถึง 263,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่สูงกว่ายอดเดือนส.ค.ที่ 201,000 ตำแหน่ง
จีนยืนยันอัตราปล่อยกู้ที่สูงในปท.ไม่ก่อเงินเฟ้อ ส่งสัญญาณเมินใช้แผนฟื้นศก.รอบสอง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 34 นาทีที่แล้ว
นายยี่ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองอิสตัลบลู ประเทศตุรกี ว่า อัตราการปล่อยกู้ที่แข็งแกร่งในจีนไม่ได้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อและเชื่อว่าภาคธนาคารของจีนมีเสถียรภาพมากพอ ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการแสดงความเห็นของรองผู้ว่าการแบงค์ชาติจีนบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในระยะใกล้นี้
จีนยืนยันอัตราปล่อยกู้ที่สูงในปท.ไม่ก่อเงินเฟ้อ ส่งสัญญาณเมินใช้แผนฟื้นศก.รอบสอง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 34 นาทีที่แล้ว
นายยี่ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองอิสตัลบลู ประเทศตุรกี ว่า อัตราการปล่อยกู้ที่แข็งแกร่งในจีนไม่ได้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อและเชื่อว่าภาคธนาคารของจีนมีเสถียรภาพมากพอ ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการแสดงความเห็นของรองผู้ว่าการแบงค์ชาติจีนบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในระยะใกล้นี้
"โดยทั่วไปแล้วผมคิดว่าสถานการณ์ด้านการปล่อยกู้ในภาคการเงินยังอยู่ในระดับที่ยั่งยืนและไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ผมเชื่อว่าอัตราการปล่อยกู้ของจีนมีเสีถยรภาพและไม่มากเกินไป ซึ่งดูได้จากสถิติในเดือนส.ค.และมิ.ย." นายกังกล่าว
จิม โอนีล หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า "จีนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะเลือกวิธีการกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศมากกว่าที่จะพึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียว ท่าทีของจีนสะท้อนให้เห็นว่าจีนจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในระยะใกล้นี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์นั้นเกิดผลในแทบจะทุกภาคส่วน นอกจากนี้ การปล่อยกู้ในวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ให้กับโครงการสร้างทางรถไฟ ถนน และโรงงานพลังงาน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงเศรษฐกิจจีนให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกด้วย"
"อาจกล่าวได้ว่าจีนเป็นประเทศต้นแบบในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นด้วย" โอนีลกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนปล่อยเงินกู้ในรูปสกุลเงินหยวนทั้งสิ้น 4.104 แสนล้านหยวนในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.ที่ 3.559 แสนล้านหยวน และมากกว่าปีที่แล้วที่ระดับ 2.715 แสนล้านหยวน
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3% ในปีหน้า หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ลดลง 0.5% ในปีนี้
กรีนสแปนแนะรบ.สหรัฐยังไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นศก.รอบ 2 แม้อัตราว่างงานพุ่งรุนแรง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 46 นาทีที่แล้ว
อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แม้อัตราว่างงานในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่มขึ้นแตะระดับ 10% ก็ตาม เพราะเม็ดเงินที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากเกินไปจะส่งผลให้สหรัฐต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับที่อาจจะควบคุมไม่ได้
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3% ในปีหน้า หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ลดลง 0.5% ในปีนี้
กรีนสแปนแนะรบ.สหรัฐยังไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นศก.รอบ 2 แม้อัตราว่างงานพุ่งรุนแรง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 46 นาทีที่แล้ว
อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แม้อัตราว่างงานในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่มขึ้นแตะระดับ 10% ก็ตาม เพราะเม็ดเงินที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากเกินไปจะส่งผลให้สหรัฐต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับที่อาจจะควบคุมไม่ได้
"สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐจดจ่ออยู่ในเวลานี้คือการพยายามพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ทุกด้านเท่าที่มี รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและการลดหย่อนภาษี แต่การที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองนั้น จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ" กรีนสแปนกล่าว
กรีนสแปนยังกล่าวด้วยว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขายตัวขึ้น 3% ในไตรมาส 3 และอาจจะขยายตัวขึ้นมากกว่านั้น ผมยอมรับว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนก.พ.นั้น ได้ผลเพียง 40% แต่สิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้คือรอดูอย่างระมัดระวัง"
บลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของกรีนสแปนมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ย.ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
ด้านวุฒิสมาชิกชาร์ลส์ ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครต เปิดเผยกับ ABC ว่า วุฒิสภาสหรัฐเตรียมอภิปรายเรื่องแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์แรงงาน รวมถึงการอนุมัติขยายเวลาการให้สวัสดิการสำหรับคนว่างงานออกไปอีก 12-13 สัปดาห์ หลังจากอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวภายหลังจากทราบข้อมูลอัตราว่างงานเดือนก.ย.ว่า รัฐบาลจะเร่งหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดแรงงาน โดยโอบามายอมรับว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.ออกมาน่าผิดหวัง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำแล้วก็ตาม
IAEA เตรียมส่งทีมงานลุยตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านวันที่ 25 ต.ค.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 15 ชั่วโมง 2 นาทีที่แล้ว
นายมูฮัมหมัด เอลบาราดี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมานูสากล (IAEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า คณะทำงานของ IAEA กำหนดให้วันที่ 25 ต.ค.เป็นวันที่จะเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยนายเอลบาราดีเปิดเผยหลังจากเจรจากับเจ้าหน้าที่อิหร่านเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก
IAEA เตรียมส่งทีมงานลุยตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านวันที่ 25 ต.ค.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 15 ชั่วโมง 2 นาทีที่แล้ว
นายมูฮัมหมัด เอลบาราดี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมานูสากล (IAEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า คณะทำงานของ IAEA กำหนดให้วันที่ 25 ต.ค.เป็นวันที่จะเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยนายเอลบาราดีเปิดเผยหลังจากเจรจากับเจ้าหน้าที่อิหร่านเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก
"เราจำเป็นต้องส่งคณะผู้ตรวจสอบของ IAEA ไปหาข้อมูลที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสันติตามที่อิหร่านกล่าวอ้าง โดยเราตกลงกันว่าจะกำหนดให้วันที่ 25 ต.ค.เป็นวันที่คณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบ" นายเอลบาราดีกล่าว
นายเอลบาราดีได้หารือร่วมกับนายอาลี อัคบาร์ หัวหน้าตัวแทนเจรจาประเด็นนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยเขากล่าวว่าการเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและเชื่อว่าความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจะช่วยปลดชนวนความตึงเครียดของนานาประเทศที่มีต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้
"เราต้องการทั้งความโปร่งใสและความร่วมมือจากอิหร่าน และเราต้องการความร่วมมือจากนานาประเทศด้วย ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตกเป็นไปในทางที่ดี" นายเอลบาราดีกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกตึงเครียดเรื่อยมา และข่าวที่ทำให้หลายประเทศวิตกกังวลเกิดขึ้นเมื่ออิหร่านยิงทดสอบขีปนาวุธ "ชาฮับ 3" พิสัยระยะกลางเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านกลาโหมเชื่อว่าขีปนาวุธลูกนี้มีรัศมีทำการไกลถึงอิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐในภูมิภาคอ่าวอาหรับ
พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าคร่า 17 ศพในฟิลิปปินส์ ขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 17 ชั่วโมง 4 นาทีที่แล้ว
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุไต้ฝุ่น "ป้าหม่า" ได้คร่าชีวิตประชาชนในฟิลิปปินส์แล้ว 17 รายในขณะนี้ หลังจากพายุพัดถล่มพื้นที่ตอนใต้ของประเทศ ส่งผลให้น้ำท่วมหนักและดินถล่ม อย่างไรก็ตาม พายุได้อ่อนกำลังลงจากความเร็วสูงสุดที่ระดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วและกำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน
นายอัลแวโร อันโตนิโอ ผู้ว่าการเมืองคากายังของฟิลิปปินส์กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าได้สร้างความเสียหายต่อสาธารณูปโภคและการเกษตรของฟิลิปปินส์อย่างหนัก อีกทั้งทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม และคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 17 ราย
พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าคร่า 17 ศพในฟิลิปปินส์ ขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 17 ชั่วโมง 4 นาทีที่แล้ว
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุไต้ฝุ่น "ป้าหม่า" ได้คร่าชีวิตประชาชนในฟิลิปปินส์แล้ว 17 รายในขณะนี้ หลังจากพายุพัดถล่มพื้นที่ตอนใต้ของประเทศ ส่งผลให้น้ำท่วมหนักและดินถล่ม อย่างไรก็ตาม พายุได้อ่อนกำลังลงจากความเร็วสูงสุดที่ระดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วและกำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน
นายอัลแวโร อันโตนิโอ ผู้ว่าการเมืองคากายังของฟิลิปปินส์กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าได้สร้างความเสียหายต่อสาธารณูปโภคและการเกษตรของฟิลิปปินส์อย่างหนัก อีกทั้งทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม และคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 17 ราย
รายงานระบุว่าพายุไต้ฝุ่นป้าหม่าได้เคลื่อนตัวออกจากชายฝั่งฟิลิปปินส์ และกำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน ส่งผลให้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวันต้องออกแถลงการณ์เตือนภัยในคาบสมุทรเฮงจุน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นป้าหม่าเคลื่อนตัวเข้าใกล้เขตแดนของไต้หวันในขณะนี้
ณ เวลา 5.00 น.ตามเวลาไทเป พายุไต้ฝุ่นป้าหม่าซึ่งมีกำลังลมสูงสุด 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวอยู่ห่างจากชายฝั่งตอนใต้ของเมืองโอลวนปีในคาบสมุทรเฮงจุน ราว 340 กิโลเมตร
ทั้งนี้ รัฐบาลไต้หวันขอให้ประชาชนระมัดระวังภัยพายุไต้ฝุ่นป้าหม่า หลังจากเมื่อ 2 เดือนที่แล้วไต้หวันเพิ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "มรกต" ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 600 คน บลูมเบิร์กรายงาน
สหรัฐเผยมีธนาคารล้มละลายอีก 3 ราย ส่งผลยอดรวมธนาคารล้มละลายในปีนี้พุ่งเป็น 98 ราย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 19 ชั่วโมง 8 นาทีที่แล้ว
บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) เปิดเผยว่า จำนวนธนาคารล้มละลายในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ส่งผลให้ยอดรวมธนาคารล้มละลายในปีนี้เพิ่มขึ้น 98 ราย เนื่องจากภาคการเงินสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
สหรัฐเผยมีธนาคารล้มละลายอีก 3 ราย ส่งผลยอดรวมธนาคารล้มละลายในปีนี้พุ่งเป็น 98 ราย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 19 ชั่วโมง 8 นาทีที่แล้ว
บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) เปิดเผยว่า จำนวนธนาคารล้มละลายในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ส่งผลให้ยอดรวมธนาคารล้มละลายในปีนี้เพิ่มขึ้น 98 ราย เนื่องจากภาคการเงินสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
ธนาคาร 3 รายที่ล้มละลายครั้งนี้คือธนาคารเจนนิ่งส์ สเตท แบงค์ ในเมืองสปริงโกรฟ รัฐมินเนโซต้า ธนาคารวอร์เรน แบงค์ ในรัฐมิชิแกน และธนาคารเนชั่นแนล แบงค์ ออฟ พลูโบ ในรัฐโคโลราโด
บลูมเบิร์กรายงานว่า จำนวนธนาคารที่ประสบปัญหาการเงินที่ระบุในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลได้เรียกร้องธนาคารต่างๆพิจารณาระงับหรือลดการจ่ายเงินปันผลเพื่อรักษาฐานเงินทุน
ทั้งนี้ FDIC คาดว่าจำนวนธนาคารล้มละลายในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนประกันเงินฝากของ FDIC พุ่งเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า และจะทำให้ FDIC ประสบภาวะขาดดุลบัญชีในเดือนนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้นที่ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้ FDIC จึงวางแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมพิเศษจากธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศเพื่อเพิ่มเงินทุนในบัญชีของ FDIC จำนวน 5.6 พันล้านดอลลาร์
นางเชียลา แบลร์ ประธาน FDIC กล่าวกับว่า "งบดุลบัญขีของ FDIC เริ่มหดตัวลง ทำให้คณะกรรมการบอร์ดของ FDIC เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมหลังจากการล้มละลายของธนาคารโคโลเนียลทำให้ FDIC มีต้นทุนการประกันเพิ่มขึ้นอีก 2.8 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ มีรายงานว่าธนาคารคอรัส แบงค์แชร์ส และธนาคารการันตี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อาจล้มละลาย ขณะที่เม็ดเงินทุนในบัญชีของ FDIC ในไตรมาสแรกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี"
นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนสัปดาห์นี้ หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 26 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 14 นาทีที่แล้ว
นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะยังคงเคลื่อนตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าอัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ขณะเดียวกันคาดว่านักลงทุนจะจับตาดูการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐที่จะมีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนสัปดาห์นี้ หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 26 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 14 นาทีที่แล้ว
นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะยังคงเคลื่อนตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าอัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ขณะเดียวกันคาดว่านักลงทุนจะจับตาดูการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐที่จะมีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสัปดาห์นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ย.ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงส่งผลให้สมาชิกพรรครีพับลิกันแสดงความกังวลและกดดันให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐเร่งหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดแรงงาน พร้อมกับวิพากษ์วิจารย์นโยบายเศรษฐกิจของคณะทำงานโอบามา ขณะที่โอบามายอมรับว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.ออกมาน่าผิดหวัง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำแล้วก็ตาม แต่ก็ยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งใช้แผนกระตุ้นการจ้างงาน
เจมมี ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท แฮร์ริส ไฟแนนเชีย กรุ๊ป ในมลรัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขจีดีพีที่ยังหดตัวลง ดัชนีกิจธรรมธุรกิจที่ร่วงลงเกินคาด และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
ความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจในสหรัฐทวีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าอัตราว่างงานที่พุ่งสูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เริ่มจะให้ผลลดลง จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีการจ้างงานเดือนก.ย. วันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ต.ค.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีการจ้างงานเดือนก.ย. วันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ต.ค.
วันพุธ วันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค. ส่วนวันศุกร์จะมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค.
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิลบ 14.25 จุดเช้านี้ หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งรุนแรง
Monday, October 05, 2009 08:01:00
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวอ่อนตัวลงในช่วงเช้านี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นรุนแรงและฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังคงฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกดิ่งลง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิลดลง 14.25 จุด หรือ 0.15% แตะที่ระดับ 9,717.62 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ย.ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นในเดือนก.ย.ได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากที่ประชุม G7 มีมติร่วมมือกันเสริมสร้างเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก พร้อมกับเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มเครื่องจักร กลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักทรพัย์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มไฟแนนซ์ อ่อนตัวลงในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิลบ 14.25 จุดเช้านี้ หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งรุนแรง
Monday, October 05, 2009 08:01:00
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวอ่อนตัวลงในช่วงเช้านี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นรุนแรงและฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังคงฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกดิ่งลง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิลดลง 14.25 จุด หรือ 0.15% แตะที่ระดับ 9,717.62 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ย.ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นในเดือนก.ย.ได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากที่ประชุม G7 มีมติร่วมมือกันเสริมสร้างเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก พร้อมกับเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มเครื่องจักร กลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักทรพัย์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มไฟแนนซ์ อ่อนตัวลงในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--
Comments
Post a Comment