News Update : 21/08/2009

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 70.89 จุด ขานรับภาคการผลิตสหรัฐสดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 30 นาทีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนหลังจากซีอีโอของอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ระบุว่า เอไอจีจะสามารถจ่ายคืนเงินกู้ให้กับรัฐบาลสหรัฐได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 70.89 จุด หรือ 0.76% แตะที่ 9,350.05 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่ง 10.91 จุดหรือ 1.09% แตะที่ 1,007.37 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 19.98 จุด หรือ 1.01% แตะที่ 1,989.22 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.05 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.99 พันล้านหุ้น

เดวิด โรเซนเบิร์ก นักวิเคราะห์จากบริษัท Gluskin Sheff & Associates ในนิวยอร์กกล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนตั้งแต่ช่วงเปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังต่อทิศทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของเอกชน แต่ในช่วงบ่ายดาวโจนส์เริ่มดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ภาคการผลิตในเขตมิดแอตแลนติกฟื้นตัวขึ้น และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ซีอีโอเอไอจีระบุว่าบริษัทจะสามารถจ่ายคืนเงินกู้ให้กับรัฐบาลสหรัฐได้ รวมทั้งรายงานผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนทั่วโลกซึ่งจัดทำโดยแบงค์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่มีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในเดือนส.ค. โดยจำนวนผู้จัดการกองทุนที่มองว่ามีโอกาสอย่างมากที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 ปี

ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากกลุ่มผู้จัดการกองทุน โดย 28% ของผู้จัดการกองทุนที่ตอบรับการสำรวจได้ทุ่มน้ำหนักการลงทุนไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์การเงินโลก ยังคงเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุด โดยมีผู้จัดการกองทุนเพียง 10% เท่านั้นที่เทน้ำหนักการลงทุนไปที่หุ้นกลุ่มนี้

นักลงทุนจับตาดูรายงานยอดขาดดุลงบประมาณซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันที่ 25 ส.ค.นี้ หลังจากทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐในปีนี้จะมีอยู่ทั้งสิ้น 1.58 ล้านล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพ.ค.ราว 2.62 แสนล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้ทำเนียบขาวคาดการณ์ว่าจะขาดดุลงบประมาณน้อยลงในปีนี้มาจากความสำเร็จในโครงการจัดหาเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการเงิน และจากการที่จำนวนธนาคารล้มละลายมีอยู่น้อยกว่าที่คณะทำงานของโอบามาคาดการณ์ไว้ ซึ่งหมายความว่าบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) จะใช้จ่ายงบประมาณน้อยกว่าที่คาดการณ์ราว 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น โดยหุ้นเอไอจีปิดพุ่ง 21.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดบวก 8.5% ส่วนหุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 12% หลังจากเซียร์สซึ่งเป็นบริษัทห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สุดของสหรัฐ รายงานผลขาดทุนในไตรมาสสองซึ่งผิดความคาดหมายของนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของเงินชดเชยเลิกจ้างพนักงานและการปิดร้านหลายสาขา โดยเซียร์สขาดทุนสุทธิ 94 ล้านดอลลาร์ หรือ 79 เซนต์ต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไร 65 ล้านดอลลาร์ หรือ 50 เซนต์ในปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทน่าจะมีกำไร 35 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสสองปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดพุ่ง 66.91 จุดหลังอังกฤษเผยยอดค้าปลีกพุ่งเกินคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 9 นาทีที่แล้ว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาโลหะพื้นฐานและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังดีดตัวขึ้นขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของอังกฤษ

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 66.91 จุด แตะที่ 4,756.58 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,689.67-4,766.85 จุด

ทิม ฮิวจ์ นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน โดยหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดพุ่ง 5.3% หุ้นคาซัคมิสปิดบวก 3.3% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 5% ส่วนหุ้นริโอทินโตปิดบวก 1% หลังจากริโอทินโตเปิดเผยรายได้สุทธิดลงเหลือ 2.5 พันล้านดอลลาร์ จาก 6.95 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนผลประกอบการที่ไม่นับรวม one-time item บางส่วนร่วงลง 54% แตะ 2.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.73 พันล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นเชลล์ปิดบวก 1.7% หุ้นบีพีปิดบวก 1.4% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดพุ่ง 1.9%

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ตัวเลขค้าปลีกในเดือนก.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยได้ช่วยกระตุ้นดีมานด์เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

ยอดค้าปลีกอังกฤษในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงเกินความคาดหมายมาแล้วในเดือนมิ.ย. โดยยอดค้าปลีกทะยานขึ้นถึง 1.3% ในเดือนมิ.ย. เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ร้านค้าต่างๆลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นช่วยหนุนยอดขายเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน

เซียร์ส เผยขาดทุนในไตรมาส 2 จากค่าชดเชยเลิกจ้างพนง.-ค่าใช้จ่ายปิดสาขา
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 2 นาทีที่แล้ว
เซียร์ส โฮลดิ้งส์ คอร์ป บริษัทห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สุดของสหรัฐ รายงานผลขาดทุนในไตรมาสสองซึ่งผิดความคาดหมายของนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของเงินชดเชยเลิกจ้างพนักงานและการปิดร้านหลายสาขา

เซียร์สขาดทุนสุทธิ 94 ล้านดอลลาร์ หรือ 79 เซนต์ต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไร 65 ล้านดอลลาร์ หรือ 50 เซนต์ในปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทน่าจะมีกำไร 35 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสสองปีนี้

ขณะที่ยอดขายร่วงลงแตะ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านและเสื้อผ้า ท่ามกลางตัวเลขว่างงานเพิ่มสูงขึ้น

บรูซ จอห์นสัน รักษาการซีอีโอ กล่าวว่า ตลาดค้าปลีกโดยรวมยังยากลำบาก โดยค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นแตะ 103 ล้านดอลลาร์ในรอบ 13 สัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 1 ส.ค. หลังจากที่เซียร์สปิดร้านไป 28 สาขา บลูมเบิร์กรายงาน

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังสหรัฐเผยภาคการผลิตฟื้นตัว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 19 นาทีที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจทั้งในด้านบวกและลบ โดยดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ขยายตัวขึ้น แต่ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4263 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4131 ยูโร/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0620 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0755 ฟรังค์/ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.150 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.680 เยน/ดอลลาร์ และฟื้นตัวขึ้น 0.14% แตะที่ 1.6513 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6556 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.8318 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8257 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 0.6771 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6739 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ส.ค.พุ่งขึ้น 15,000 ราย แตะระดับ 576,000 ราย จากระดับ 561,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 550,000 ราย

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ตัวเลขค้าปลีกในเดือนก.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยได้ช่วยกระตุ้นดีมานด์เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

ยอดค้าปลีกอังกฤษในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงเกินความคาดหมายมาแล้วในเดือนมิ.ย. โดยยอดค้าปลีกทะยานขึ้นถึง 1.3% ในเดือนมิ.ย. เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ร้านค้าต่างๆลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นช่วยหนุนยอดขายเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน

นักลงทุนให้ความสนใจต่อข่าวที่ว่าบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) อาจเพิ่มค่าธรรมเนียมพิเศษจากธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า เพื่อเพิ่มเงินทุนในบัญชีของ FDIC จำนวน 5.6 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการล้มละลายของธนาคารโคโลเนียล แบงค์กรุ๊ป และจำนวนธนาคารล้มละลายที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีกในสหรัฐ ทำให้เม็ดเงินในบัญชีของ FDIC ลดน้อยลง

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวกแตะ $72.54 หลังสต็อกน้ำมันร่วงเกินคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 5 นาทีที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ร่วงลงเกินคาด แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่าตัวเลขจ้างงานประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของพายุเฮอร์ริเคน "บิล" ซึ่งเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกแรกในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ดีดขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 72.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 71.65-72.88 ดอลลาร์ โดยสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ย.ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันพฤหัสบดี ส่วนสัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 92 เซนต์ ปิดที่ 72.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.35 เซนต์ ปิดที่ 1.8852 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 5.24 เซนต์ ปิดที่ 1.9822 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.69% ปิดที่ 73.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากเทรดเดอร์ปิดสถานะการลงทุนในสัญญาส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งครบกำหนดส่งมอบในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ย.สามารถปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนยังให้น้ำหนักกับรายงานสต็อกน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ

กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 ส.ค. ร่วงลง 8.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 343.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 700,000 บาร์เรล แตะระดับ 161.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 209.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.5% แตะระดับ 84%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ส.ค.พุ่งขึ้น 15,000 ราย แตะระดับ 576,000 ราย จากระดับ 561,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 550,000 ราย

ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า เฮอร์ริเคนบิล ซึ่งเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกแรกในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้ ได้อ่อนกำลังลงเล็กน้อยเป็นพายุระดับ 3 ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวไปยังแคนาดา โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดลบ $3.10 หลังสภาทองคำโลกเผยดีมานด์ทองคำหดตัว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 49 นาทีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) ที่ระบุว่าดีมานด์ทองคำทั่วโลกร่วงลงในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2

บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 941.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 3.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 938.50-941.70 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.880 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 50.00 เซนต์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,242.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 275.25 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 3.45 ดอลลาร์

สมาคมทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ดีมานด์ทองคำในตลาดโลกช่วงไตรมาสที่ 2 ร่วงลง 8.6% แตะระดับ 719.5 เมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลบั่นทอนกำลังซื้อเครื่องประดับประเภทต่างๆ

โรซานนา วอซนิแอ็ค ผู้จัดการฝ่ายวิจัยด้านการลงทุนของ WGC กล่าวว่า "ดีมานด์ทองคำในไตรมาส 2 ดิ่งลงต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2546 โดยดีมานด์ทองคำที่นำไปทำเป็นเครื่องประดับอัญมณีลดลง 22% และดีมานด์ทองคำที่นำไปผลิตเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทดิ่งลง 26% ทั้งนี้ก็เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อทั้งในฝั่งอุตสาหกรรมอัญมณีและอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งเราคาดว่าภาวะดีมานด์ซบเซาเช่นนี้จะเกิดขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง"

ตลาดหุ้นจีนดีดตัวกลับรุนแรง ดัชนีอื่นทะยานตามแม้หุ้นจีนมีสิทธิ์ดิ่งอีก
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 36 นาทีที่แล้ว
หุ้นจีนสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้อย่างรุนแรงเมื่อวานนี้หลังจากที่เกิดแรงเทขายในรอบสองสัปดาห์ ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหุ้นในเอเชียและโภคภัณฑ์หลายชนิด แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากยังคงวิตกว่า การดิ่งลงของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อีก

สหรัฐปรับลดตัวเลข ขาดดุลงบประมาณ เหลือ1.58ล้านล้าน
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ -- 2 ชั่วโมง 37 นาทีที่แล้ว
คณะบริหารของโอบามาจะลดประมาณการในการขาดดุลงบประมาณสำหรับปี 2552 เหลือ 1.58 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดิมที่คาดว่าจะขาดดุล 1.84 ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากไม่ต้องนำเงินไปค้ำประกันธนาคารเพิ่มอีก


หุ้นปิดบวกต่อเนื่อง-ไนเม็กซ์ขยับปิด72.5$
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยบวกตัวเลขเศรษฐกิจ ด้านน้ำมันปิดที่ ระดับ 72.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (21 ส.ค.) ตามเวลาประเทศไทย ว่า การซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า ปาฐกถาของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ฯ ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์​นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)​ จะกล่าวถึงการผ่านพ้นของจุดวิกฤติในตลาดการเงินนอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟีย ได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมการผลิต ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.2 ในเดือน ส.ค. จากติดลบ 7.5 ในเดือน ก.ค. จากที่มีการคาดว่าจะติดลบ 2 ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 9,350.05 จุด เพิ่มขึ้น 70.89 จุด หรือ 0.76 เปอร์เซ็นต์ แนสแดค ปิดที่ระดับ 1,989.22 จุด เพิ่มขึ้น 19.98 จุด หรือ 1.01 เปอร์เซ็นต์ และ เอสแอนด์พี ปิดที่ระดับ 1,007.37 จุด เพิ่มขึ้น 10.91 จุด หรือ 1.09 เปอร์เซ็นต์ด้านราคาน้ำมันดิบ ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ระดับ 72.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลส่วน ราคาทองคำ ปิดที่ 941.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับลดลง 3.10 ดอลลาร์สหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิร่วง 57.26 จุดเช้านี้ หลังเยนแข็งฉุดหุ้นส่งออกร่วง
Friday, August 21, 2009 08:25:29
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินเยนได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเกินคาด

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 57.26 จุด หรือ 0.55% แตะที่ระดับ 10,326.15 จุด

โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ส.ค.พุ่งขึ้น 15,000 ราย แตะระดับ 576,000 ราย จากระดับ 561,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 550,000 ราย

การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินเยนได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง โขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มประกันดิ่งลงเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มขนส่งทางอากาศ กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า และกลุ่มขนส่งทางบก ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้านี้
--อินโฟเควสท์--

Comments