Poor Good Great กับการทำการตลาดที่แตกต่าง

การทำการตลาด 3 แบบ ที่จะประกอบไปด้วย Poor, Good และ Great แต่ก่อนอื่นเรามาดูความหมายและแนวความคิด ภายใต้กันทำการตลาดใน 3 แบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
1. Poor : ใช้วิธีคิดแบบ Product driven คือเอา product เป็นตัวขับเคลื่อน ไม่สนใจความต้องการของผู้บริโภค เช่น GM
2. Good : Market driven คือ ใช้ตลาดเป็นตัวขับเคลื่อน โดยการออกไปสำรวจตลาดก่อนว่าผู้บริโภคต้องการอะไร เช่น DTAC ไปสำรวจผู้บริโภคในกลุ่มของ prepaid จึงทำให้เปลี่ยนจาก DPROMT เป็น HAPPY
3. Great : Market Driven และ brand เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด บริษัทจะเป็นผู้กำหนดว่าลูกค้าจะไปในแนวไหน เช่น starbucks, iphone

การทำการตลาด 3 แบบ 
1. Poor : ทำตลาดแบบเน้นตลาดมวลชน (Mass market) ผลิตสินค้า 1 ตัว ขายมันทุกตลาด
2. Good : ทำตลาดแบบเน้นตลาดเป็นส่วนๆ (Segment)
3. Great : ทำตลาดแบบเน้นตลาดเฉพาะ (Niche)

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองของผลิตภัณฑ์
1. Poor : Product Offer คือ ตอนทำของขายคิดในเชิงของสินค้า ว่าจะเอาสินค้าขายอะไร เช่น เอาของใส่ถุง pack ขายจบ
2. Good : Augmented Product offer คือ เป็นการเพิ่มเติมสินค้า มากกว่าที่เขาคาดหวัง ซึ่งสามารถอธิบายด้วยแนวความคิดของ Teodo Lewit ที่แบ่ง product ออกเป็น 5 ระดับ
> Basic Product คือ เป็นสินค้าที่เป็นแก่นของมันเลย เช่น ปั๊มน้ำมัน ไว้เติมน้ำมันจบ
> Augmented Product คือ ส่วนที่เพิ่มเข้า แล้วจะสร้างความแตกต่างได้ เช่น ปั๊ม jet ที่เพิ่มโดยการมีห้องน้ำที่สะอาดและminimart (ให้มากกว่าการเติมน้ำมัน)
> Expected Product คือ จากการที่เรามีส่วนเพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างความแตกต่าง แต่ในขณะเดียวกันเจ้าอื่นก็ทำบ้างจนกลายเป็นความหวังของของลูกค้าว่าจะต้องได้ เช่น ปั๊มเจททำ ปั๊มอื่นก็ทำ จนสร้างความคาดหวังให้กับคนเติมน้ำมันไปหมด
3. Great : ต้องให้คำตอบสุดท้ายของลูกค้า คือการนำเสนอ Customer Solution Offer เพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริงของลูกค้าได้อย่างแท้จริงและถึงแม้จะตอบโจทย์ได้แล้ว ต้องตรวจสอบอยู่ตลอดด้วยว่าปัญหาของลูกค้าเปลี่ยนไปหรือไม่

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองของคุณภาพของผลิตภัณฑ์
1. Poor : จะด้อยกว่าค่าเฉลี่ย ผลิตสินค้าแบบกลางๆ คล้ายๆ Commodity Product
2. Good : นำเสนอดีกว่าค่าเฉลี่ย
3. Great : จะต้องเป็น product ที่สร้างตำนาน

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองของคุณภาพของผลิตภัณฑ์
1. Poor : ให้บริการแย่มาก ซึ่งทุกวันนี้ผู้บริโภคจะมีการใช้ Social Network เป็นเครื่องมือในการแพร่ข่าวสารได้อย่างรวดเร็วว่าที่ไหนเป็นอย่างไร
2. Good : ให้บริการที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย
3. Great : จะต้องให้บริการแบบเป็นที่สร้างตำนาน

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองการนำเสนอสินค้า
1. Poor : จะนำเสนอสินค้าที่ทำหน้าที่นั้นๆ เพียงหลักๆ อย่างเดียว เช่น รองเท้าไว้ใส่
2. Good : จะเน้นที่กระบวนการ เช่น ร้านกาแฟ จะมีบรรยากาศมากขึ้น
3. Great : จะเน้นกับผลลัพธ์สุดท้ายคือสิ่งที่ผู้บริโภคพอใจชอบใจ เช่น รถ Harley คนไม่ได้ขี่เพราะเป็นพาหนะ แต่ขี่เพราะมันมีจิตวิญญาณคือ มี feeling มากขึ้น

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองทางการคู่แข่งขัน
1. Poor : จะมีปฏิกริยาตอบสนองการแข่งขันโดยทันที (Reaction to Competitor) เมื่อคู่แข่งทำอะไรขึ้นมาอย่างหนึง
2. Good : ทำ Bench Marking Competitor คือ การเทียบเคียบคู่แข่งว่าสิ่งที่เขาและเราทำให้ผลแตกต่างกันอย่างไร และถ้าเราทำอย่างเขาให้ผลอย่างไร และจะพยายามทำให้ดีกว่า
3. Great : ก้าวกระโดดเหนือคู่แข่งออกไป (Left flog Competitor) ซึ่งจะใช้กลยุททธ์ที่ Market Driven หรือก็คือ Blue Ocean เช่น DTAC ที่ฉีกหนีการแข่งขันกลับ AIS มาพลิกแบรนด์ DPROMT มาเป็น Happy

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองตัวแทนจำหน่าย (Dealer) หรือ Supplier
1. Poor : จะขูดเรียด เอาเปรียบ dealer
2. Good : จะเน้นการสนับสนุน dealer
3. Great : จะเน้นเป็นแบบหุ้นส่วนทางธุรกิจเลย (Partnership)

การทำการตลาด 3 แบบ ผ่านมุมมองต่อสิ่งที่ใช้ขับเคลื่อน
1. Poor : จะเน้นราคาเป็นตัวขับเคลื่อน (Price Driven) เช่น หมูกะทะ
2. Good : จะขับเคลื่อนโดยคุณภาพ (Quality Driven
3. Great : จะขับเคลื่อนด้วยคุณค่า (Value Driven) คือ สิ่งที่ลูกค้าให้ค่า หมายถึงสิ่งที่ลูกค้าจ่ายไปเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่ลูกค้าได้

Comments