ดู Avatar แล้ว จะเข้าใจ Soft Side Management มากขึ้น ตอนที่ 2


๒. “Jack” ชื่อของพระเอกเป็นอดีตทหารนาวิกโยธิน แต่พิการขาทั้งสองข้าง ถูกส่งมาทำงานแทนพี่ชายที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ในโครงการ Avatar คือ ถอดวิญญาณของตนลงไปในร่างมนุษย์ผสมร่างชาวนาวี เพื่อเอาร่างที่เหมือนชาวนาวีนี้ไป “ล้วง” ความลับ ไปศึกษาพฤติกรรมของชาวนาวี หา “จุดอ่อน” เพื่อจะได้เอาไปวางแผนย้อนมาจัดการชาวนาวี นึกถึงฝรั่ง ญี่ปุ่นมากมาย ที่ทำเป็นมาวิจัย อาจารย์ แพทย์ ผู้สอนศาสนาฯลฯ ที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า ใครมาล้วงข้อมูลเรา สุดท้ายสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย โดนต่างชาติเอาไปจดทะเบียน (Patent) อย่างที่คนไทย “ได้ ไม่คุ้มเสีย” แต่เผอิญ Jack เป็นคนที่มี “จิตวิญญาณ” ยิ่งเข้าไปใกล้ชิดชาวนาวี ก็เรียนรู้อะไรมากมาย เป็นแบบ “Learn how to learn” Jack พบว่า ชาวนาวี“เข้าใจ” ธรรมชาติ และมีวิถีชีวิตแบบสมดุลกับธรรมชาติมากๆ ไม่ทำลายล้างแบบมนุษย์จากดาวโลก

Jack หลงป่าตอนกลางคืน จากที่เคยเรียนมา Jack จุดไฟ พอจุดไฟ เขาก็พบว่า มีหมาป่ามากมายรายล้อมเขา ด้วยความกลัว หรือที่ผมเรียกว่า เข้าโหมดต่อสู้ จิตเกิดอาการ ความคิดเฉโก ปรุงแต่ง มีอคติต่อสัตว์ที่เขาคิดว่าร้าย Jack กวัดแกว่งคบเพลิงไปมา ขับไล่เหล่าหมาป่า แต่ผลของการทำเช่นนั้นเป็นการเข้าใจธรรมชาติผิดหมดเลย เหล่าสุนัขก็เลยตกใจ เข้าโหมดต่อสู้เช่นกัน สุนัขป่า จึงรุมกัด Jack และบางตัวก็บาดเจ็บ จนกระทั่ง นางเอกชาวนาวี ก็เข้ามาช่วย และง่ายๆ เลย คือ “ดับไฟ” สุดท้ายหมาป่า ก็จากไป

๓. มีหลายฉากที่แสดงให้เรื่อง การเชื่อมโยง (Connect) เราฆ่าสัตว์หนึ่งตัวเท่ากับเราฆ่าตัวเราเอง เรากับธรรมชาติเชื่อมโยงกันฉากพระเอกใช้หางเปียเชื่อมโยงกับเส้นผมของม้าป่า และขนของนกอินทรีป่า เป็นการเชื่อม“ใจ สู่ ใจ” ไม่ใช่แบบฉันเป็นนาย เธอเป็นบ่าว ในองค์กรของผู้บริหารงกๆ เค็มๆ ทั่วไป

ถ้าเป็นการบริหารสมัยใหม่เรียกว่า “เชื่อมใจกับพนักงาน” ไม่ใช่เอาเงินมาฟาด เอาโบนัสมาล่อ ซึ่งผู้บริหารยุคอุตสาหกรรม วัตถุนิยม จะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ไม่เน้นในมหาวิทยาลัยที่เขาจบมา เจ้านายคนก่อนๆ ที่งกๆ เค็มๆ ก็บ่มเพาะเขาให้ขาดปัญญาฐานใจอย่างแรง ดังนั้น ไม่แปลกที่หลายคนดูเรื่องนี้แล้วบอกว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลย แค่ Special Effect เจ๋งแค่นั้นเอง”


ในขณะที่ เด็กๆ หลายคน ดูหนังเรื่องนี้แล้วบอกว่า รักต้นไม้จังเลย รักธรรมชาติจังเลย และหลายคน เริ่มเห็น “ความเห็นแก่ตัว” ที่ผู้บริหารงกๆ เค็มๆ กำลังทำลายธรรมชาติอยู่ทุกวันคนไทยมากมายไปเที่ยวน้ำตก ไปเดินป่า แต่ก็ไม่ได้ “เชื่อมโยง” ตนเองกับธรรมชาติเลย ไม่เข้าใจ (See) ตนเอง ไม่เข้าใจธรรมชาติ แค่ไปเดินๆ เร่งๆ หาที่นอน หาอะไรอร่อยๆ กิน และสะใจได้ขี่ช้าง ล่องเรือ ปีนภูเขาสูงสำเร็จ ฯลฯ หลายคนเอาแต่ถ่ายรูป ขี่จักรยาน สนุกกับการพูดจาตลกโปกฮาในป่า ตั้งวงกินเหล้า ได้แค่ เปลี่ยนบรรยากาศวงเหล้าเท่านั้นเอง ฯลฯ พวกเขายังไม่ “เชื่อมโยง” เพราะยังไม่รู้จักเรื่อง “ปัญญาฐานใจ”

ในหนังเรื่องนี้ ชาวเผ่านาวีใช้คำทักทายว่า “I see you” ซึ่ง ถ้าแปลตรงๆ ว่า ฉันเห็นเธอ ก็คงไม่ได้ ความหมายที่แท้จริงฉันเห็นเธอ ในหนังกินความไปถึง ฉันเข้าใจเธอ ฉันเคารพความเป็นตัวเธอ เรา “เชื่อมโยง” กัน ในหนังจะมีฉากสวยๆ ที่ชาวนาวีจับมือร่วมกันทั้งเผ่า หรือพระเอก นางเอก ผูกเส้นผมของตนเองกับรากไม้ เพื่อ “เชื่อมโยง” กับธรรมชาติ

คนที่ศึกษาแนว เต๋า (Tao) และเซน (Zen) ดูหนังเรื่องนี้จะประทับใจมากๆ และจะเห็นได้ว่า โลกตะวันตก เข้าใจศาสตร์ และปรัชญาตะวันออกมากขึ้น ในขณะที่ผู้บริหารงกๆ เค็มๆ ของไทยเรา ยังล้าสมัย ตามสถานการณ์โลกไม่ทัน ยังคงใช้ศาสตร์เดิมๆ ของตะวันตก ที่ชาวตะวันตกเริ่ม “คายทิ้ง” แล้ว

ดู Avatar แล้ว จะเข้าใจ Soft Side Management มากขึ้น ตอนที่ 1

Comments