Tune in Marketing คือ การปรับแต่งสินค้าและพนักงานของท่าน ให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยมีขั้นตอนของการปรับแต่ง 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. ต้องหาปัญหาที่ยังไม่มีการแก้ไข (Find unsolve)
2. ต้องเข้าใจคนซื้อ
3. คำนวนผลกระทบในสิ่งที่เราทำลงไป
4. ให้สร้างประสบการณ์ที่ฉีก แหวกแนวให้กับลูกค้า
5. มีไอเดียที่พรั่งพรู
6. สร้างการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นกับลูกค้า
ขั้นตอนที่ 1 ต้องหาปัญหาที่ยังไม่มีการแก้ไข (Find unsolved problem)
ต้องเป็นคนที่ช่างสังเกตุ ดูถึงสภาพแวดล้อมการเปลี่ยนแปลงของตลาด แล้วอะไรที่คุณควรจะโฟกัส ซึ่งเวลาเรามองปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่าไปมองเฉพาะแต่ฐานลูกค้าเรา เพราะมันจะแคบ แต่จงมองไปทั้งตลาด โดยในแต่ละตลาดจะมี คน 3 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 คือ กลุ่มลูกค้าเรา จะมีประมาณ 30%
ประเภทที่ 2 คือ กลุ่มผู้ประเมิน ประมาณ 10% ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่กำลังประเมินสินค้าเราอยู่ เหมือนกับกำลังดูของเราอยู่ ศึกษาอยู่ ซึ่งเราต้องค้นให้เจอว่า อะไรที่เขายังติดอยู่ หรือลังเลใจอยู่ว่าจะซื้อไม่ซื้อสินค้าของเรา
ประเภทที่ 3 คือ กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเข้าเป็นลูกค้า non customer ประมาณ 60-70% ซึ่งธุรกิจจะต้องใช้เวลากับคนกลุ่มนี้ให้มากที่สุด เราต้องหาให้ได้ว่าอะไรเป็นปัญหาของเขา บางครั้งจึงต้องออกสินค้ามากมายเพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ การได้ไปพูดคุย แต่ไม่ใช่คุยตอนที่เขากำลังซื้อสินค้าเราอยู่ โดยใช้พนักงานขายที่เป็นเหมือนการสัมภาษณ์ เราะจะทำให้ลูกค้าลูกสึกอึดอัด แต่จะเป็นการ focus group ลงไปก่อนว่า ลูกค้ากลุ่มนี้น่าจะมีศักยภาพ แล้วอาจะใช้งานสัมมนา อีแวนท์ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง Social media ทั้งหลายในการเข้าถึง พูดคุยกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
1. ต้องหาปัญหาที่ยังไม่มีการแก้ไข (Find unsolve)
2. ต้องเข้าใจคนซื้อ
3. คำนวนผลกระทบในสิ่งที่เราทำลงไป
4. ให้สร้างประสบการณ์ที่ฉีก แหวกแนวให้กับลูกค้า
5. มีไอเดียที่พรั่งพรู
6. สร้างการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นกับลูกค้า
ขั้นตอนที่ 1 ต้องหาปัญหาที่ยังไม่มีการแก้ไข (Find unsolved problem)
ต้องเป็นคนที่ช่างสังเกตุ ดูถึงสภาพแวดล้อมการเปลี่ยนแปลงของตลาด แล้วอะไรที่คุณควรจะโฟกัส ซึ่งเวลาเรามองปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่าไปมองเฉพาะแต่ฐานลูกค้าเรา เพราะมันจะแคบ แต่จงมองไปทั้งตลาด โดยในแต่ละตลาดจะมี คน 3 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 คือ กลุ่มลูกค้าเรา จะมีประมาณ 30%
ประเภทที่ 2 คือ กลุ่มผู้ประเมิน ประมาณ 10% ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่กำลังประเมินสินค้าเราอยู่ เหมือนกับกำลังดูของเราอยู่ ศึกษาอยู่ ซึ่งเราต้องค้นให้เจอว่า อะไรที่เขายังติดอยู่ หรือลังเลใจอยู่ว่าจะซื้อไม่ซื้อสินค้าของเรา
ประเภทที่ 3 คือ กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเข้าเป็นลูกค้า non customer ประมาณ 60-70% ซึ่งธุรกิจจะต้องใช้เวลากับคนกลุ่มนี้ให้มากที่สุด เราต้องหาให้ได้ว่าอะไรเป็นปัญหาของเขา บางครั้งจึงต้องออกสินค้ามากมายเพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ การได้ไปพูดคุย แต่ไม่ใช่คุยตอนที่เขากำลังซื้อสินค้าเราอยู่ โดยใช้พนักงานขายที่เป็นเหมือนการสัมภาษณ์ เราะจะทำให้ลูกค้าลูกสึกอึดอัด แต่จะเป็นการ focus group ลงไปก่อนว่า ลูกค้ากลุ่มนี้น่าจะมีศักยภาพ แล้วอาจะใช้งานสัมมนา อีแวนท์ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง Social media ทั้งหลายในการเข้าถึง พูดคุยกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
Comments
Post a Comment