กลับมาอีกครังกับการตลาดเพื่อสังคมที่กล่าวถึงกันไปบ้างก่อนหน้านี้ (การตลาดเพื่อสังคม ตอนที่ 1) มาได้อ่านบทความก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะครับว่า ผู้ประกอบการในไทยเราก็มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ดีครับ ถึงแม้บริษัทหรือองค์กรที่เป็น SE ในบ้านเีรา อาจจะยังไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ
การตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing)
ในเรื่องของแหล่งเงินทุนก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีกองทุนต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือให้กับองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมเหล่านี้อยู่ แต่ในบ้านเรากลับมีน้อยมาก ดังนั้นหากภาคการเงินการธนาคาร รวมถึงธุรกิจใหญ่ ๆ ที่อยากทำโครงการที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ได้เข้ามาร่วมมือให้การสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้ในด้านต่าง ๆ เช่น การอบรม ให้ความรู้ในการประกอบธุรกิจ ในด้านกลยุทธ์การตลาด และการหาตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือช่วยเป็นที่ปรึกษา เป็นพี่เลี้ยงให้ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยืนหยัดอยู่ได้ครับ
กลุ่ม Southern Salam จึงได้ทำการสำรวจแล้วพบว่าผ้าคลุมผมสตรีชาวมุสลิม เป็นสินค้าหัตถกรรมอย่างหนึ่งซึ่งคนไทยในสามจังหวัดสามารถทำได้ดี จึงมีแผนให้การสนับสนุนอย่างครบวงจรทั้งต้นทุนวัตถุดิบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อช่วยลดปัญหาการว่างงาน
นอกจากนี้จากการทำวิจัยยังพบว่าปัญหาด้านกลิ่นอับเป็นปัญหาสำคัญของผู้ใช้ผ้าชนิดนี้ จึงมีการนำนาโนเทคโนโลยีที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหา และมีการศึกษาเพื่อเปิดตลาดใหม่ในตะวันออกกลางและประเทศมุสลิมอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการนำจุดแข็งของคนไทยในเรื่องของการออกแบบเข้ามาช่วย โดยการทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทยเพื่อออกแบบลวดลายให้เข้ากับแฟชั่นอีกด้วย เห็นได้ว่าการนำเรื่องของการตลาดมาทำงานเพื่อสังคม (Social Marketing) นั้น จริง ๆ แล้วไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องคิดยาก ขอให้มองลึกถึงสาเหตุหลักของปัญหาสังคมที่ต้องการแก้ไข แล้วนำความรู้ด้านการตลาดมาประยุกต์ใช้ ต่อยอดกับภูมิปัญญาที่มีอยู่ ก็จะช่วยตอบโจทย์ได้ไม่ยากครับ... ...
ถึงจุดนี้เราคงต้องมาคิดกันแล้วว่า จุดมุ่งหมายในชีวิต หรือสำหรับองค์กรธุรกิจของท่านนั้นคืออะไร หากเงินไม่ใช่ คำตอบสุดท้าย องค์กรธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise อาจเป็นทางเลือกสำหรับท่านก็ได้ครับ !
บทความโดย คุณรณพงศ์ คำนวณทิพย์
----------------------------------------------------------------------------
ต้องยอมรับกันละครับว่า การตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing) ที่ก่อตัวขึ้นจากผู้ประกอบการรายเล็กๆ หรือชุมชนต่างๆ ที่เล็งเห็นปัญหาความเป็นอยู่ของชุมชนตนเอง และรวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จะผลักดันให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาใส่ใจต่อสังคมกันมากขึ้นในอนาคต เพราะถึงแม้บริษัทใหญ่ๆ จะไม่สามารถเป็น Social Enterprise ได้เต็มตัว (เช่น บริษัทในตลาดหลักทรัพย์) แต่ก็คงจะต้องมีกลยุทธ์ หรือแผนการตลาดในเรื่องนี้มากขึ้น (หรือการทำ CSR มากขึ้น) และที่สำคัญประเด็นของการทำตลาดเพื่อสังคมนั้น คงจะตั้งอยู่ในหลักของ SCG (อันนี้ผมคิดเอง แต่เผอิญไปตรงกับชื่อบริษัทใหญ่ในไทยเราพอดีเลย)
"ช่วยเหลือสังคม (Social) + ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ (Creative) + เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green)"
ซึ่งน่าจะเป็นหลักสำคัญ ที่จะต้องคิดทบทวนเมื่อผู้ประกอบการจะหันมาทำการตลาดเพื่อสังคมกันอย่างจริงจัง
อ๋อ ผมยังมีอะไรมาฝากนิดหน่อย พอดีไปค้นข้อมูลเจอหน่วยงานอย่างเป็นทางการในการสนับสนุนกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทย ในนามของ สกส. (สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ) ที่ได้ก่อตั้งเว็ปไซต์ Social Enterprise Thailand (กิจการเพื่อสังคม ประเทศไทย) ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมตามไปอ่านกันได้ครับ มีตัวอย่างผู้ประกอบการในไทยและเทศ ที่เป็น Social Enterprise ด้วยครับ
Comments
Post a Comment