รู้กันหรือไม่ว่า ในขณะที่เราใช้งาน Internet เล่น Facebook, Twitter, Google หาข้อมูล, ดู Youtube บลา บลา บลา ตัวเราเองกำลังมีส่วนช่วยในการทำลายสิ่งแวดล้อมกันอยู่ เอ่ะ...แล้วทำลายยังไง อย่างที่ผมเคยบอกไว้แหล่ะครับว่า ทุกการกระทำของเราล้วนปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ (CO2) ทั้งสิ้น โดยเมื่อรวมๆ คนใช้ Internet กันทั้งโลก ปีๆ หนึง จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สูงถึง 300 ล้านตัน เลยทีเดียวนะครับ แล้วมันมากขนาดไหน ก็มากพอๆ กับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากการเผาไหม้ของถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ในประเทศตุรกีหรือโปแลนด์ทั้งประเทศเลยว่างั้น
แล้วเราจะต้องทำอย่างไรละ ??
ใช้ Internet ให้มันน้อยลงหรือเปล่า คงไม่ใช่ละ เพราะต้องบอกเลยว่าทุกวันนี้และแนวโน้มในอนาคต Internet จะมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนมากมาย ทำให้เราไม่สามารถลดการใช้ได้ มีแต่ใช้กันมากขึ้นต่างหาก อย่างนี้แล้ว เราจึงต้อง (โยน) ให้เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบนี้ให้กับผู้ให้บริการต่างๆ ดีกว่า และชื่อบริษัทแรกที่เราน่าจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับต้นๆ เลย ก็คงหนีไม่พ้น Google Inc. นั่นเอง
Google Go Green
จากการที่ Google เป็น Search Engine อันดับหนึ่งของโลก รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่ เราๆ ท่านๆ นิยมใช้บริการกันอยู่ก็เยอะแยะมากมาย เลยทำให้ Google ให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผ่านโครงการสีเขียวขนาดใหญ่ของบริษัทซึ่งตั้งเป้าว่าจะเป็นบริษัทที่สร้าง สมดุลคาร์บอน (carbon neutral)
1. ทำไม Google จึงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากการบริการของ Google ส่วนใหญ่เป็นการบริการผ่านโลก Online ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม แต่แท้จริงแล้ว ทุกบริการต่างๆ ที่ Google มีให้เราต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ซึ่งอยู่ในส่วนที่เีรียว่า Google Data Center ที่มีเซิฟเวอร์อัดแน่นเต็มเอียด ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้าเหล่านี้แหล่ะเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ (Carbon Emission) นั่นเอง
2. Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์ Google
เรามาดูกันต่อว่าบริการหลักๆ ของ Google แต่ละอย่างปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมาเท่าไหร่กันแน่ (หรือเรียกกันว่า Carbon Footprint)
- Google Search
ทุกการค้นหาข้อมูล 1 ครั้ง จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 0.0003 kWh. เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 0.02 กรัม คิดให้มันง่ายๆ หน่อยก็คือ เมื่อเรากด search 100 ครั้ง เราได้ทำการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมา 2 กรัม (โอ่ะ น้อยจุงเบย..) แต่เราไม่ได้ค้นหาอยู่คนเดียวนะ ในเดือนๆ หนึ่งมีการกด search ค้นหาข้อมูลผ่าน Google จากทั่วโลก ประมาณ 13,000,000,000 (อ่านว่า หนึ่งหมื่นสามพันล้านครั้ง) ซึ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้าไปประมาณ 3.9 ล้่าน kWh.และได้ทำการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เบ็ดเสร็จก็ 260,000 กิโลกรัม อันนี้ต่อเดือนนะครับ ปีๆ หนึ่งเป็นเท่าไหร่ไปคำนวนดูกันได้
โดย Google ได้ทำการเปรียบเทียบพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ต่อการค้นหา 100 ครั้ง ว่าสามารถเทียบเท่ากับการทำอะไรในชีวิตประจำวันของเรา
- Youtube
คราวนี้เรามาดูกันต่อว่า เวลาเรานั่งดู MV ทั้งไทยและเทศ หรือรายการต่างๆ ผ่าน YouTube จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมาเท่าไหร่บ้าง โดยเมื่อเราดู YouTube ทุกๆ 1 นาที จะมีการใช้พลังงานไฟฟ้า 0.0002 kWh. เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 0.1 กรัม ก็คือ ดูไป 10 นาที ปล่อยก๊าซออกมา 1 กรัม
เราลองไปดู MV สุดฮิต Gangnam Style ที่ล่าสุด ผมเข้าไปเช็ค มีคนดูไปแล้วกว่า 1,200 ล้านครั้ง MV นี้มีความยาวประมาณ 4 นาที คิดแล้วเบ็ดเสร็จก็ใช้เวลาดูทั้งหมดกว่า 4,800 ล้านนาที ทำให้ MV เพลงนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมาแล้วกว่า 480,000 กิโลกรัม ในเวลา 6 เดือนนั่นเอง (เอ่ะ เราดูไปกี่รอบหว่า)
โดย Google เปรียบเทียบพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ต่อการดู YouTube ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ จะเท่ากับการซักผ้าด้วยเครื่อง ซึ่งเทียบกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมาสัก 3 กิโลกรัม ตามรูปเลยครับ
- Gmail
ในขณะที่เราทำการ Check, Read, Write, Send และอะไรก็ตามที่เราใช้บน Gmail ในหนึ่งปี Google ต้องใช้พลังงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินการต่างๆ ของเราประมาณ 2.1 kWh. ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมา 1.2 กิโลกรัม
ไว้คราวหน้าเราจะมาดูว่า เป้าหมายของ Google Go Green คืออะไร และที่สำคัญที่หลายคนตั้งคำถามว่า ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกับการเป็นมิตรต่ิอสิ่งแวดล้อมได้หรือไม่ Google เค้ามีคำตอบนะ
ไป แกะรอยการตลาดสีเขียว : Google Go Green ตอนที่ 2 กันต่อเลยครับ
Comments
Post a Comment