Creative Economy
ผู้ชนะทาง Creative Economy คือ ประเทศที่มีทุนทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และสามารถนำวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากที่สุด นอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้ยังสามารถใช้วัฒนธรรมในการเชื่อมต่อ Global และ Local อย่างมีประสิทธิผลด้วย โดยการ Culture Package for sales อย่างเช่น แดจังกึม ที่มีการ package ทั้งละคร+ประวัติศาสตร์+อาหาร+การท่องเที่ยว+การแพทย์ เศรษฐกิจพอเพียงและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Sufficiency Economy and Creative Economy)
หลักในการเลือกเรียน MBA
อันดับ 1 : ชื่อเสียงของสถาบัน (37%)
อันดับ 2 : โปรแกรม หรือหลักสูตร (15%)
อันดับ 3 : สถานที่ตั้ง (12%)
อันดับ 4 : ผลงานวิจัย ผลงานบทความต่างๆ ของศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้น
อันดับ 5 : คุณภาพของอาจารย์ (10%) มีปากมีเสียงในสังคม สามารถแสดงความคิดเห็นที่เป็นเรื่องราวในสาขาที่ตนสนใจ แล้วได้รับการยอมรับ
อันดับ 6 : วิธีการสอน (5%)
อันดับ 7 : ค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายประจำวัน (4%)
อันดับ 8 : เพื่อนแนะนำ
อันดับ 9 : ประวัติการให้บริการทางวิชาชีพ เช่น การจัดสัมมนาต่างๆ
อันดับ 10 : เงินเดือนเริ่มต้น
Strategics
- สื่อใหม่ จะเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขัน เปลี่ยนการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค
- กลุ่มเด็ก 9 -13 ปี จะเรียกว่ากลุ่ม Tween ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กก่อนวัยรุ่น ซึ่งมีกำลังซื้อสูง
- คำว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" ใช้ไม่ได้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งลูกค้าที่มี Customer Lifetime Value ต่ำไม่ใช่พระเจ้า ส่วนลูกค้าที่มี Customer Life Time Value สูง นั่นแหล่ะ คือพระเจ้า (Customer Lifetime Value ก็คือ ตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า คาดว่าเขาจะทำรายได้ให้กับคุณเท่าไหร่)
- ในเชิง PR เรามาใช้กับ P ตัวที่ 1 PRODUCT โดยใช้เป็น moniter media ของคู่แข่งขันว่าคู่แข่งมีวิธีการโฆษณาอย่างไร ทำไมถึงได้ไปออกรายการนั้น รายการนี้
ขายของอย่างไร เมื่อไม่มีคนซื้อ
1. อย่าเพิ่งล้มเลิก ยอมแพ้ จงอ้าแขนรับการปฏิเสธ ให้เป็นหนึ่งในกระบวนการการขาย และจงพยายามไปหาลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อย่าเพิ่งท้อถอย
2. จงโฟกัสในการตลาด และการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาขายอยู่อย่างเดียว ไม่มีเครื่องมือช่วย ซึ่งถ้าคุณสามารถขับเคลื่อนความสนใจในสินค้าของคุณแล้ว ทำให้ลูกค้าใส่ใจ คุณจะสามารถทำให้เกิด demand ขึ้นมาได้ เราถึงต้อง focus ไปที่ marketing เพราะเป็นการสร้างความต้องการและยิ่งเราใช้ Social Media Marketing จะสามารถสร้างความได้เปรียบได้
3. จงยื่นข้อเสนอให้กับลูกค้า ที่ถ้าเป็นตัวเองแล้วยังรู้สึกดีมาก จนยากที่จะปฏิเสธ
เนื้อหาที่เกี่ยวเนื่อง :
Business Knowledge#2
ผู้ชนะทาง Creative Economy คือ ประเทศที่มีทุนทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และสามารถนำวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากที่สุด นอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้ยังสามารถใช้วัฒนธรรมในการเชื่อมต่อ Global และ Local อย่างมีประสิทธิผลด้วย โดยการ Culture Package for sales อย่างเช่น แดจังกึม ที่มีการ package ทั้งละคร+ประวัติศาสตร์+อาหาร+การท่องเที่ยว+การแพทย์ เศรษฐกิจพอเพียงและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Sufficiency Economy and Creative Economy)
หลักในการเลือกเรียน MBA
อันดับ 1 : ชื่อเสียงของสถาบัน (37%)
อันดับ 2 : โปรแกรม หรือหลักสูตร (15%)
อันดับ 3 : สถานที่ตั้ง (12%)
อันดับ 4 : ผลงานวิจัย ผลงานบทความต่างๆ ของศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้น
อันดับ 5 : คุณภาพของอาจารย์ (10%) มีปากมีเสียงในสังคม สามารถแสดงความคิดเห็นที่เป็นเรื่องราวในสาขาที่ตนสนใจ แล้วได้รับการยอมรับ
อันดับ 6 : วิธีการสอน (5%)
อันดับ 7 : ค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายประจำวัน (4%)
อันดับ 8 : เพื่อนแนะนำ
อันดับ 9 : ประวัติการให้บริการทางวิชาชีพ เช่น การจัดสัมมนาต่างๆ
อันดับ 10 : เงินเดือนเริ่มต้น
Strategics
- สื่อใหม่ จะเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขัน เปลี่ยนการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค
- กลุ่มเด็ก 9 -13 ปี จะเรียกว่ากลุ่ม Tween ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กก่อนวัยรุ่น ซึ่งมีกำลังซื้อสูง
- คำว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" ใช้ไม่ได้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งลูกค้าที่มี Customer Lifetime Value ต่ำไม่ใช่พระเจ้า ส่วนลูกค้าที่มี Customer Life Time Value สูง นั่นแหล่ะ คือพระเจ้า (Customer Lifetime Value ก็คือ ตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า คาดว่าเขาจะทำรายได้ให้กับคุณเท่าไหร่)
- ในเชิง PR เรามาใช้กับ P ตัวที่ 1 PRODUCT โดยใช้เป็น moniter media ของคู่แข่งขันว่าคู่แข่งมีวิธีการโฆษณาอย่างไร ทำไมถึงได้ไปออกรายการนั้น รายการนี้
ขายของอย่างไร เมื่อไม่มีคนซื้อ
1. อย่าเพิ่งล้มเลิก ยอมแพ้ จงอ้าแขนรับการปฏิเสธ ให้เป็นหนึ่งในกระบวนการการขาย และจงพยายามไปหาลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อย่าเพิ่งท้อถอย
2. จงโฟกัสในการตลาด และการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาขายอยู่อย่างเดียว ไม่มีเครื่องมือช่วย ซึ่งถ้าคุณสามารถขับเคลื่อนความสนใจในสินค้าของคุณแล้ว ทำให้ลูกค้าใส่ใจ คุณจะสามารถทำให้เกิด demand ขึ้นมาได้ เราถึงต้อง focus ไปที่ marketing เพราะเป็นการสร้างความต้องการและยิ่งเราใช้ Social Media Marketing จะสามารถสร้างความได้เปรียบได้
3. จงยื่นข้อเสนอให้กับลูกค้า ที่ถ้าเป็นตัวเองแล้วยังรู้สึกดีมาก จนยากที่จะปฏิเสธ
เนื้อหาที่เกี่ยวเนื่อง :
Business Knowledge#2
Comments
Post a Comment