มองอนาคต (Look at the Future)

การมองอนาคต เราต้องแบ่งเป็น 2 ระยะ

1 ระยะสั้น เช่น ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม การท่องเที่ยวดีขึ้น การส่งออกดี เป็นต้น ซึ่งมีความหวือหวา
2. ระยะยาว จะต้องดูถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย
2.1 เศรษฐกิจ
2.2 การเมือง
2.3 กฏหมาย
2.4 เรื่องเกี่ยวกับประชากร
2.5 ทรัพยากรธรรมชาติ
2.6 วัฒนธรรมของประเทศ

ซึ่งการดูแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน ถ้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็จะดูเรื่องเศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นประเทศที่ลุ่มๆดอนๆ ก็จะต้องดูเรื่องการเมืองและภาคกฏหมาย นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องประชากรมีคุณภาพ หรือบางประเทศทรัพยากรธรรมชาติไม่เอื้อแต่ถ้ามีผู้นำที่เก่งมีวิสัยทัศน์ก็จะเจริญรุ่งเรืองได้

ฉะนั้น สิ่งที่ต้องดูในการวิเคราะห์เศรษฐกิจระยะยาว จะประกอบไปด้วย
1. จำนวนนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศมากหรือน้อยลง เพราะนักลงทุนต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศเรานั้น เขาต้องวางแผนระยะยาว เพราะฉะนั้น นักลงทุนต่างชาติ จึงเป็นตัวสะท้อนเศรษฐกิจและความสามารถทางการแข่งขันของประเทศนั้น
2. นักลงทุนในประเทศ ไม่สนใจลงทุนในประเทศ
3. ตลาดหลักทรัพย์ ความผันผวนจะทำให้บรรยากาศในการลงทุนไม่ดี
4. แนวนโยบายของรัฐ

ส่วนคำว่า Fall Stage (ประเทศหรือรัฐที่ผู้คนทั่วโลก ต่างไม่ยอมรับนับถือ) จะเกิดจาก
1. รัฐบาลไม่เป็นรัฐบาล คือ ที่มาของรัฐบาลไม่โปร่งใส จนทำให้เกิดการปฏิวัติซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้ต่างชาติไม่ยอมรับ
2. ผู้นำไม่เป็นผู้นำ
3. เศรษฐกิจไม่เป็นเศรษฐกิจ
4. สัญญาไม่เป็นสัญญา ต่อนักลงทุนต่างชาติ สร้างความไม่มั่นใจ
5. สังคมไม่เป็นสังคม ความสงบไม่บังเกิด
6. นักการเมืองไม่เป็นนักการเมือง ไปเป็นนักโกงเมืองแทน
7. เหตุผลไม่เป็นเหตุผล
8. ชีวิตไม่เป็นชีวิต เกิดอุปสรรคปัญหามากเกินไป มีทุกข์ตลอดเวลา

รัฐที่ล้มเหลวหรือประเทศที่ล้มเหลว เมื่อชาวต่างชาติหมดความนับถือ จะต้องใช้เวลาไม่ตำกว่า 10 ปีถึงจะฟื้นกลับมาได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ประเทศที่ล้มเหลว จะเกิดจากปัจจัยสองตัวสำคัญ คือ ผู้นำและประชาชน

เนื้อหาที่เกี่ยวกับ อ.สมภพ เจริญกุล :
7 ย. สำหรับความเป็นผู้นำ
ผ่าแนวคิด Drucker (Inside Drucker's Brain) โดย อ.สมภพ เจริญกุล
การตลาดที่มากกว่า 4P (More 4P Marketing)

Comments