เคล็ดลับ 4 ข้อ สู่การเป็นผู้บริโภคสีเขียว (Green Consumer)




หลายครั้งที่บทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สีเขียวที่นำมาเล่าสู่กันฟัง จะเกี่ยวข้องกับฝั่งผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ฤกษ์งามยามดี ไปพบเคล็ดลับที่เกี่ยวกับผู้บริโภคอย่างเรา ที่อยากจะเป็น ผู้บริโภคสีเขียวกันบ้างว่าต้องทำอย่างไรนะ แค่ซื้อสินค้าสีเขียวเราก็กลายเป็นผู้บริโภคสีเขียวแล้วหรือเปล่า แต่เอะ... มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นนะ


มามะ มาเป็น "ผู้บริโภคสีเขียว" กันดีกว่า


ผู้บริโภคสีเขียว หรือ "Green Consumers" นอกจากจะเป็นผู้บริโภคที่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมจากการใช้หรือบริโภคสินค้า โดยพยายามให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เช่น ซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ สีที่ย่อยสลายได้ โดยวิธีชีวาภาพ สเปร์ยผมที่ไม่ผสมสาร CFC หรือการมีกระเป๋าหรือถุงจ่ายตลาดของตนเอง

นอกจากนั้น ยังเป็นผู้บริโภคที่พิจารณาเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และเศรษฐกิจของชุมชนเสมอ เวลาจะซื้ออะไรต้องรู้แหล่งที่มาของสินค้า อาหารที่จะซื้อ และแม้ราคาของผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) จะแพงกว่าผลิตภัณฑ์ธรรมดา แต่ผู้บริโภคยินดีที่จะควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้อสินค้าเหล่านั้น


เคล็ดลับ 4 ข้อ สู่การเป็นผู้บริโภคสีเขียว



1. ศึกษาแหล่งที่มาของสินค้า



ข้อมูลเหล่านี้อาจะไม่เคยเปิดเผยจากผู้ผลิตเท่าใดนัก ดังนั้นเราควรมองหาจากแหล่งอื่น เช่น Soucemap.com ซึ่งเป็น software ที่เปิดให้โหลดฟรี เพื่อช่วยมองหาที่มาของวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาผลิตเป็นสินค้าให้คุณได้ซื้อ ส่งผลถึงความปลอดภัยของตัวเราเองซึ่งเป็นผู้บริโภค และได้รู้ถึงระยะทางการขนส่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Emission) ออกมาด้วย


(ข้อนี้ผมขอแถมอีกสักเว็ป GoodGuide ซึ่งใช้สำหรับตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ที่เน้นก็พวกที่เราใช้กับร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นครีมต่างๆ ยาสระผม โรลออน แต่เป็นยี่ห้อต่างประเทศนะ  ว่ามันมีสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งมากน้อยแค่ไหน)


2. รู้จักฉลากรองรับทางสิ่งแวดล้อม


ฉลากรองรับทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น Cradle to Cradle, Energy Star, Forest Stewardship Council หรือฉลากในไทยอย่าง ฉลากเขียว, ฉลากคาร์บอน โดยเราอาจจะต้องทำการหาข้อมูลก่อนว่า ฉลากแต่ละประเภทนั้นทำการรับรองในเรื่องใด และมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเท่าใด









3. ซื้อน้อยลง ยืมมากขึ้น


สิ่งเหล่านี้มีอยู่มากในโลกออนไลน์ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในการ เช่า-ยืม หรือขายสินค้าหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีบริการที่เรียกว่า การแชร์สินค้าในกลุ่มผู้ใช้งานออนไลน์ อย่างเว็บไซต์ Neighborrow, NeighborGoods และ Freecycle หรือบริการประเภทสิ่งบันเทิงอย่าง Netflix และ BookMooch ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก  และน่าจะเกิดขึ้นในไทยได้ไม่ยากอีกด้วย



4. บริโภคของท้องถิ่น


อาหารเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเสียเงินซื้อมากที่สุด ซึ่งหากลองพิจารณาแล้วอาหารในแต่ละมื้อก็ทำการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมาจำนวนไม่น้อย เราลองเดินเข้าไปจับจ่ายซื้อของจากตลาดใกล้บ้านแทนการเดินทางไปห้างสรรพสินค้าหรูๆ ก็เป็นอีกทางที่ช่วยโลกได้ง่ายๆ อีกทางหนึ่ง










ที่มา : วารสาร สร้างสุข จัดทำโดย สนง.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ว่าแต่ใครอยากรู้อะไรเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์สีเขียว เพิ่มเติม ตามไปอ่านกันได้ที่  6 ข้อคิดกับการตลาดสีเขียว (Six "Green" Marketing Ideas) ส่วนเพื่อนๆ ท่านใด มีเทคนิคหรือเคล็ดลับอะไรเพิ่มเติมมาร่วมแชร์กันได้นะครับ

Comments