บทเรียนของผู้ที่จะสืบทอดกิจการ โดย โชค บูลกุล

สำหรับคุณโชค คิดว่า การที่เราพึ่งจบเมื่อกำลังมีไฟแรง ต้องการหาวิธีแสดงฝีมือ หาสนามทดสอบ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็นเถ้าแก่ในทันที เพราะการเป็นเถ้าแก่เป็นอะไรที่ยาก คนรุ่นใหม่มักจะคิดแค่ว่าเป็นการลงทุน การใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป แต่แท้จริงแล้วการเป็นเถ้าแก่ การริเริ่ม ถือว่าเป็น 1 ส่วน 4 ขององค์ประกอบของการเป็นเถ้าแก่ ซึ่งประกอบด้วย 4 ร (ริเริ่ม รุก รับ รักษา) ซึ่งมิติพวกนี้ คนที่ไม่มีประสบการณ์อาจจะมองไม่ออก ดังนั้น มันจึงไม่มีความจำเป็นที่หากต้องการแสดงความสามารถ แล้วต้องเริ่มต้นจากการเป็นเจ้าของธุรกิจเสมอไป เพราะบางทีการเริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างเขา ก็จะเป็นวิธีที่จะทำให้เรารู้ถึงศักยภาพในตัวเราได้ เนื่องจากเราต้องทำงานภายใต้กรอบ หรือสิ่งที่มีคนขีดไว้ให้เรา แต่จะต้องให้ดีกว่าที่คนอื่นเคยทำมา หรือสามารถแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นทดสอบศักยภาพของเราเช่นเดียวกัน

ฉะนั้น คนที่ครอบครัวมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้น มันไม่ได้เสียหายที่เราจะไปเรียนรู้ประสบการณ์ก่อน เพียงแต่ข้อคิดของการทำธุรกิจครอบครัวนั้น ในการเริ่มต้นงานวันแรกของเรา อย่าทำตัวเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจ เพราะว่ารุ่นพ่อที่เป็นรุ่นบุกเบิก การวางตัวและสถานภาพของเขา หรือวิธีการทำงานของเขา ถือว่าเป็นรากฐานของการสร้างองค์กรนี้ขึ้นมา เราไม่สามารถไปหลอกเลียนแบบหลักการเหล่านั้น เพราะฉะนั้น จึงบอกว่าอย่าทำตัวเป็นผู้บุกเบิก ถึงแม้เราจะคิดเป็น จากการศึกษาที่จบมา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำเป็น การทำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ อาศัยเวลา ที่เราจะได้มีแบบฝึกหัดที่จะปฏิบัติแล้วรู้จริงว่า สิ่งที่เราทำผลมันเป็นอย่างไร นิ่คือ จุดเริ่มต้นของการทำเป็น เราจึงต้องมองว่าเราไม่รู้ทุกอย่าง เราจะได้มีเวลาในการเรียนรู้

ส่วนเหตุผลที่คุณโชค ตัดสินใจทำธุรกิจกับครอบครัว เนื่องจากมองเห็นว่า เมื่ออะไรต่างๆ มันดีอยู่แล้ว ทำไมเราถึงไม่อยากจะรักษามัน แล้วอะไรคือบทพิสูจน์ของความสามารถของเรา ก็คือลองมองไปในองค์กร ว่ามันมีปัญหาตรงไหน อย่าไปเริ่มต้นที่โอกาส เพราะใครทำก็ได้ แล้วอย่ามาอ้างงานบางงานว่า มันเล็กเกินไป ไม่คู่ควรกับลูกเจ้าของ เราต้องไปดูเลยว่าอะไร คือปัญหาที่ไม่มีใครอยากเข้าไปสะสาง นั่นคืองานชิ้นแรกของคุณ จงกระโดดเข้าไปทำ แล้วตรงนั้นจะเป็นจุดสร้าง Good View ให้กับคน ผู้ใหญ่ในองค์กรก็จะมองว่า ไม่ใช่เป็นแค่เด็กรุ่นใหม่ที่ร้อนวิชา อยากจะแสดงความสามารถ ประมาณว่า Show Off

ซึ่งคนสมัยก่อนรุ่นบุกเบิกมันจะวัดกันด้วยใจ แต่คนรุ่นใหม่มันต้องวัดกันด้วยปัญญาจริงๆ หมายความว่า คนสมัยก่อนไม่ใช่ไม่มีปัญญา แต่เนื่องจากสมัยก่อนมันเป็นยุคบุกเบิก ซึ่งต้องวัดกันที่ใจจริงๆ เช่น ยุคของคุณพ่อ ถ้าท่านไม่กล้าไป ป่าดงพญาไฟ มันก็ไม่ได้มีการริเริ่ม มันถึงต้องมีความบ้า แต่ในสมัยใหม่นี้ ซึ่งเป็นยุคความเร็ว ข้อมูล ข่าวสาร ถ้าคุนใช้แต่ความบ้ำระห่ำ ใจนักเลง เพื่อรุกธุรกิจ
ไม่ใช่คุณออกมาจะเป็นผู้ชนะ เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว คุณจะต้องรู้หลักการบริหาร รู้จักใช้ทฤษฎีต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ไม่ใช่ใช้ที่เรียนมาทั้งดุ้น ทำให้ยุคนี้ของธุรกิจฟาร์มโชคชัย เราจะรักษาธุรกิจได้ ไม่ได้ใช้ความบ้าระห่ำ แต่ใช้ปัญญาล้วนๆ ทำยังไงให้ธุรกิจเลี้ยงวัว อยู่ในความสนใจของคนในสังคม อย่างเช่น ผมมาออกรายการ ไม่ใช่เพราะผมเลี้ยงวัวเป็น แต่เพราะมันเป็นวิธีที่จะแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงวัวมันอยู่ในธุรกิจสมัยนี้อย่างไร

ในส่วนวันแรกที่คุณโชค ที่ได้เข้ามาทำงานในฟาร์มโชคชัย ตั้งใจเลยว่า เราจะไม่ทำตัวป็นเจ้าของ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราก็คือ เราจะต้องเป็นพนักงงานที่มีค่าที่สุดในองค์กรให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่คุณโชคตั้งไว้เลย แล้วค่าของเราอยู่ที่ไหน คุณก็ไปมองดูว่าในองค์กรของคุณมีปัญหาอยู่ที่ตรงไหนแล้วไม่มีใครลงไปจัดการ ถ้าคุณกระโดดเข้าไปแล้วแก้ไขปัญหาให้กับองค์กรได้ และกลับกลายเป็นว่า สิ่งที่คุณแก้นั้นเป็นการต่อยอดธุรกิจออกไปได้อีก คุณก็สามารถบอกได้ว่า คุณเป็นคนที่มีค่าต่อองคกร ซึ่งคุณโชคจะมีทัศนคติแบบนี้มากกว่า การที่จะต้องกระโดดออกไปแล้วจะต้องไปทำอะไรเป็นของตัวเอง ตั้งแต่เราจบมา

แต่ปัจจุบันนี้ ทายาทส่วนใหญ่ที่มีการจบการศึกษาทางธุรกิจมาสูงๆ อาจจะมองว่าธุรกิจของครอบครัวตัวเองนั้น มันไม่เทห์ เล็ก ไม่ตื่นเต้น ไม่โดดเด่นในสังคม เพราะฉะนั้นเราจึงต้องย้อนกลับมาดูเจตนารมน์ของการบุกเบิกธุรกิจนี้ และอะไรคือเจตนารมณ์ของการทำธุรกิจของเรา ซึ่งเป็นการตรวจสอบความต้องการของคุณพ่อและของเรา ซึ่งถ้าคำตอบของเราคือการ อยากแสดงฝีมือ นั่นก็คือ การไปหาปัญหาที่ยังไม่ได้รีบการแก้ไขนั่นเอง ซึ่งไม่ต้องไปเริ่มธุรกิจตัวเองก็ได้

เพราะนั้นวิธีการที่จะมองประเด็นพวกนี้ให้ออกนั้น ต้องเริ่มต้นมาจากการมองที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งในปัจจุบันนี้ยาก เพราะคนรุ่นใหม่มักจะคิดก่อนเลยว่า จบแล้วทำอะไรถึงรวย จบแล้วทำอะไรถึงจะ intrend จบแล้วทำงานบริษัทนี้เราจะได้อะไร ซึ่งคำถามเหล่านี้ มันไม่ใช่คำถามของคนที่จะประสบความสำเร็จในภายภาคหน้า คนที่จะประสบความสำเร็จเขาจะคิดก่อนเลยว่า อะไรคืองานที่ต้องทำ อย่าเพิ่งคุยเรื่องผลตอบแทน ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จจริงจากธุรกิจ กับคนที่มองธุรกิจเป็นเพียงแค่ทางผ่านให้เรามีเงินมากขึ้น ซึ่งตรงนั้นอาจไม่ได้หมายถึงความมั่งคงและความยั่งยืนก็ได้

บทความที่เกี่ยวกับ โชค บูลกุล :
เคล็ดลับบริหารคนในธุรกิจครอบครัว (HR Management in Family Business) โดย โชค บูลกุล
โชค บูลกุลกับการเรียนรู้จากคุณพ่อ
คำแนะนำสำหรับ ทายาทที่จะสืบทอดกิจการ

บทความที่เกี่ยวเนื่อง :
ธุรกิจครอบครัว กับบทบาททางเศรษฐกิจโลก

Comments