การเติบโตของแหล่งท่องเที่ยวของหัวหินและเขาใหญ่ (Huahin and Khaoyai)

จากการที่ ตลาดท่องเที่ยวเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ก็จะเป็นการตอบโจทย์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน เช่น คนเที่ยวพัทยา ก็จะรักความสนุกสนาน อยากเห็นทะเล ตอนเย็นตอนค่ำก็อยากสนุก มีบรรยากาศแสง สี แสง ในส่วนกลุ่มคนที่ไปเที่ยวหัวหิน ก็จะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่เน้นแสงสีมากนัก ถ้ามีปาร์ตี้ก็เป็นแบบครอบครัว เพื่อนฝูง เป็นกลุ่มเล็กๆ ในสถานที่ส่วนตัว ในส่วนกลุ่มคนที่ไปเที่ยวเขาใหญ่ จะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการธรรมชาติมากขึ้น ความสงบมากขึ้น และยังมีโอกาสเติบโตมากขึ้น

ซึ่งถ้าเราทำแบบสอบถาม คุณโชคยังคิดว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นอันดับหนึ่งก็คือ ทะเล แต่การเติบโตของคนที่อยากไปเที่ยวในเชิงธรรมชาติ ที่เป็น ป่า เขา ต้นไม้ จะมีการเติบโตสูงกว่าคนที่ไปเที่ยวทะเล และคุณโชคยังวิเคราะห์ถึงกลุ่มคนที่มาเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ได้ว่า กลุ่มคนที่ไปเที่ยวทางธรรมชาติจะเป็นแบบเฉพาะเจาะจง แต่ในกลุ่มคนที่อยากไปเที่ยวพัทยาหรือหัวหินเนี่ยะ จะเป็นในเชิงตั้งใจอยากจะไปพักผ่อน เห็นอะไรถูกใจก็ซื้อตามทาง แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่เที่ยวเขาใหญ่หรือฟาร์มโชคชัย จะเป็นกลุ่มคนที่ตั้งใจจะไปซื้ออะไรแล้วก็จะไปซื้อตามนั้น จะไม่ซื้ออย่างอื่น เพราะฉะนั้นของอะไรก็ตามที่ซื้อที่ไหนก็ได้ ในแถบนี้จะขายยากหน่อย

อีกทั้งกลุ่มคนที่ไปเที่ยวเขาใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีฐานะที่อาจจะไปสร้าง resort หรือหาที่พักแบบหรูๆ ซึ่งอยากจะได้บรรยากาศที่สงบและอากาศที่บริสุทธิ มากกว่าพัทยาหรือหัวหิน ที่ยังอึกทึกอยู่ ในส่วนที่ฟาร์มโชคชัยของคุณโชคนั้น คุณโชคจะพยายามเน้นให้มีความชัดเจนว่า จะขายของที่ที่อื่นไม่มีขาย ลูกค้าของฟาร์มโชคชัยจึงรู้สึกว่าจะหาซื้อของของฟาร์มโชคชัยที่อื่นไม่ได้เลยต้องมาที่นิ่ที่เดียว เลยทำให้กลุ่มลูกค้าเราที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอย ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง (specific) แล้วเลือกซื้อของที่คิดว่าหาที่อื่นไม่ได้

คุณโชคยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ผลไม้ของแต่ละจังหวัดก็จะเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้ เช่น ข้างโพด องุ่น แก้วมังกร น้อยหน่า เป็นต้น แต่คุณโชคยังต้องการให้มีการพัฒนาให้ niche ขึ้นไปอีก เหมือนสวนทุเรียนเมืองนนท์ ที่ต้องมีการสั่งจองล่วงหน้าก่อนจะออกผล ซึ่งคุณโชคเน้นย้ำที่จุดนี้มากกว่า และต่อไปคุณโชคจะมีโครงการนำร่องเกี่ยวกับผลิตผลทางการเกษตร โดยจะมีแก้วมังกรมาขายที่ฟาร์มโชคชัย ที่จะเป็นแบบ คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน (เป็นของฝาก)ซึ่งเป็นรูปแบบปลอดสาร มี packaging ที่สวยงาม และต้องการทำเป็นโครงการนำร่องที่จะทำให้คนปากช่องได้เห็นว่า สินค้าการเกษตรสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม Value Added)ได้สูง

การที่เราต้องหาเอกลักษณ์และพัฒนามาเป็นสินค้าที่หาที่ไหนไม่ได้ มันจะเป็นหลักพื้นฐานของสินค้าของแหล่งท่องเที่ยวทุกแหล่ง โดยเฉพาะการทำสินค้า OTOP ไม่งั้นถึงแม้เราผลิตสินค้าได้มาก แต่ไม่รู้จะทำการตลาดอย่างไร ผลิตมาที่ไหนๆ ก็หาได้ เช่น ทุเรียน เมืองนนท์ ทำไมเราถึงต้องไปถึงนนท์ เรากินที่อื่นไม่ได้หรือ และองุ่นหรือข้าวโพดบางพันธ์ที่ปลูกแถบปากช่อง ที่อื่นก็ปลูกไม่ได้ แต่ยังไม่มีการทำ brand สินค้าที่ชัดเจนซึ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ก็คือ เราต้องทำสินค้าเกษตรให้เป็น Limited Edition เพราะคุณโชคมองว่าโอกาสำหรับสินค้าเกษตรเรามีเยอะ แต่การตลาดเรายังไปไม่ถึง คุณโชคจึงพยายามจะทำออกมา ซึ่งสินค้าตัวแรก ก็คือ แก้วมังกร ที่เราจะทำมาในรูป Limited Edition

คุณโชคยังเพิ่มเติมว่าการที่ธุรกิจท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่อยู่กันได้ไม่ค่อยหยั่งยืน เพราะมี Margin ที่ต่ำ จากการต้นทุนในการดำเนินงาน การบริหารจัดการที่สูง เพราะฉะนั้นธุรกิจท่องเที่ยวจึงจะต้องหารายได้เสริมเข้ามา เช่น ขายของที่ระลึก ของฝาก ต่างๆ เป็นต้น

เนื้อหาที่เกี่ยวกับ โชค บูลกุล :
ทิศทางและสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ในมุมมองโชค บูลกุล (Thailand Tourism Outlook)
การหาตำแหน่งทางการตลาด (Positioning)
เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นผู้นำกับโชค บูลกุล (How to treat your's child to be a leader)

เนื้อหาที่เกี่ยวเนื่อง :
กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาด (Marketing Communication Strategy)
Repositioning Strategy

Comments